ตั้งแต่ต้นปี 2022 ตลาดคริปโทฯ ยังคงซึมๆ แม้ว่าราคาจะไม่ลงไปทำจุดต่ำสุดใหม่กว่าระดับ 28,000 ดอลลาร์ ที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว แต่ราคา Bitcoin หากวัดผลตอบแทนแบบ Year To Date ยังคงติดลบในระดับเลข 2 หลัก ขณะที่ราคาเหรียญ Altcoin เกือบทั้งตลาดปรับตัวลดลงกว่า 70-80% ตั้งแต่จุดสูงสุด และวอลลุ่มซื้อขายก็ลดลงไปอย่างมาก
หากนำสถิติในอดีตมาเปรียบเทียบ เริ่มมีการมองว่าตลาดคริปโทฯ อาจจะเข้าสู่สภาวะหมีไปอีก 2 ปี หรือกว่าจะฟื้นตัวก็เข้าสู่ปี 2024 ซึ่งปีนั้นจะเกิด Bitcoin Halving ขึ้นอีกครั้ง โดยสถิติย้อนหลังยังบอกว่าหลังจากที่เกิด Halving แล้วตลาดคริปโทฯ และราคา Bitcoin จะเข้าสู่ตลาดขาขึ้น
.
การเกิด Halving รอบก่อนหน้านี้ในปี 2016 ตลาดคริปโทฯ เริ่มเป็นขาขึ้นจนกระทั่งขึ้นไปสร้างจุดสูงสุด 20,000 ดอลลาร์ ในช่วงปลายปี 2017 จากนั้นในปี 2018-2019 ตลาดได้กลายเป็นขาลงอย่างยาวนาน จนกระทั่งหลังวิกฤตโควิดเดือนมีนาคม 2020 ตลาดจึงเป็นขาขึ้นต่อเนื่องมาจนถึงช่วงไตรมาส 3 ของปี 2021
.
หากดูจากสถิตินี้อาจมองได้ว่าช่วงปี 2022-2023 ตลาดน่าจะเป็นขาลง ประกอบกับการที่ FED จะเริ่มใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวด ทำให้ Bitcoin ที่ได้รับผลบวกจากการอัดฉีดสภาพคล่อง QE ได้รับผลกระทบเชิงลบไปด้วย
.
อย่างไรก็ตาม มุมมองของผมคิดว่าตลาดคริปโทฯ ในช่วงปี 2022-2023 ไม่น่าจะเป็นภาวะขาลงที่เป็นหมีอย่างเต็มตัว หรือที่เรียกกันว่า Crypto Winter ด้วยเหตุผลดังนี้
.
ข้อแรก..ตลาดคริปโทฯ พัฒนาไปมากกว่าช่วงปี 2017 ที่ตอนนั้น ICO เฟื่องฟูแต่เต็มไปด้วยโปรเจกต์ที่ไม่มีศักยภาพจริง แต่ตอนนี้ตลาดคริปโทฯ มีทั้ง DeFi, GameFi, NFT และ Metaverse ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่จับต้องได้จริงต่างจาก ICO ที่เป็นเพียงโปรเจกต์ขายฝัน แม้ความคึกคักในเทคโนโลยีดังกล่าวจะชะลอความร้อนแรงลงไปพอสมควร แต่ยังไม่ถือว่าตายไปจากตลาดอย่างที่เคยเกิดกับ ICO
.
ข้อสอง..ผู้ลงทุนในคริปโทฯ เติบโตขึ้นจากเดิมที่มีแต่นักลงทุนรายย่อย ปัจจุบันเรามีนักลงทุนสถาบัน สถาบันการเงิน รวมถึงรัฐบาลบางประเทศที่เป็นผู้ลงทุนระยะยาวในคริปโทฯ ทำให้รากฐานของตลาดแข็งแกร่งขึ้นมาก ขณะที่ผู้ลงทุนรายย่อยเองก็มีจำนวนมากขึ้นทั่วโลกเช่นกัน
.
ข้อสาม..มีการนำคริปโทฯ ไปใช้งานจริงอย่างแพร่หลายมากขึ้นทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการนำไปใช้เป็นสื่อกลางชำระเงินหรือเครื่องมือการระดมทุน ตลอดจนรัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแลการเงินทั่วโลกกำลังเปิดรับคริปโตฯ ให้เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายมากขึ้น เหลือเพียงแค่จีนเท่านั้นที่เป็นประเทศใหญ่ยังมีนโยบายปิดกั้นคริปโตฯ แม้แต่สหรัฐอเมริกาก็เริ่มที่จะศึกษาประโยชน์จากการใช้งานคริปโทฯ
.
“อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจัยพื้นฐานของคริปโทฯ จะเปลี่ยนไปอย่างมาก แต่ผมยังไม่คิดว่าตลาดคริปโทฯ จะเข้าสู่ภาวะกระทิงอย่างเต็มตัวในปีนี้ แต่ปี 2022 ภาพรวมน่าจะเป็น Sideway Up มากกว่า เพราะยังคงมีปัจจัยลบอื่นๆ ที่ยังกดดัน เช่น นโยบายการเงินของ FED รวมถึงความไม่สงบทางการเมืองในระดับโลก”
.
ถ้ามองกราฟเทคนิค ระดับราคา Bitcoin ที่จะบ่งบอกว่าตลาดอาจจะกลับมาเป็นขาลงหรือการที่ Bitcoin ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 28,000-30,000 ดอลลาร์ แต่ถ้าราคากลับมาสูงกว่า 60,000 ดอลลาร์ ตลาดก็จะกลับมาเป็นขาขึ้น แต่สมมติฐานของผมคิดว่าราคาน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 37,000-50,000 ดอลลาร์
.
“ในมุมการลงทุน ใครที่มีเงินเย็นและอดทนรอกับการลงทุนระยะยาวได้ยังมองว่าช่วงปีนี้เป็นโอกาสในการสะสม Bitcoin รวมถึงเหรียญ Altcoin พื้นฐานดีเพื่อหวังผลตอบแทนที่น่าพอใจตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป”