คืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาเกิดเรื่องสะเทือนวงการเทคโนโลยีและการลงทุนระดับโลก เมื่อ Apple บริษัทเทคขนาดยักษ์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกถูกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ และอัยการสูงสุดจาก 16 รัฐ ยื่นฟ้องร้องต่อศาลรัฐบาลกลางในข้อหาผูกขาดตลาดสมาร์ตโฟนอย่างผิดกฎหมาย โดยกล่าวหาว่าแอปเปิลใช้อำนาจผูกขาดในตลาดสมาร์ตโฟนไม่ได้เกิดจากการแข่งขันอย่างเป็นธรรม แต่เป็นการละเมิดกฎหมายป้องกันการผูกขาด
โดยข้อร้องเรียนหลักมีอยู่ว่า Apple ใช้กระบวนการตรวจสอบแอปเพื่อขัดขวางการพัฒนาแอปสตรีมมิ่งและแอปอเนกประสงค์ต่าง ๆ ที่อาจจะทำให้ผู้ใช้ย้ายออกจากระบบนิเวศของไอโฟนไปใช้ผลิตภัณฑ์ของคู่แข่ง เพื่อให้ผู้ใช้ยังต้องใช้ผลิตภัณฑ์ของ Apple ต่อไป อีกทั้ง Apple ยังทำให้ iPhone เชื่อมต่อกับสมาร์ตวอตช์จากค่ายอื่นได้ยาก และยังขัดขวางไม่ให้แอปการธนาคารหรือการเงินอื่นเข้าถึงระบบ tap-to-pay ของ Apple
รวมถึงประเด็นที่ว่า แอปเปิลจำกัดคุณสมบัติและคุณภาพของข้อความที่ส่งจากสมาร์ตโฟนยี่ห้ออื่น จำแนกให้เป็นกรอบข้อความสีเขียว ที่หลายคนมองว่าเป็น “Cyberbullying” และการสร้าง “ความรังเกียจทางสังคม” ซึ่งก็มีแอป Beeper Mini ที่เคยถูกสร้างมาเพื่อแก้ไขเรื่องนี้แต่ถูก Apple ตัดการเชื่อมต่อไปหลังเปิดตัวแค่ 3 วันเท่านั้น
นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องการเก็บค่าธรรมเนียมการซื้อผ่าน App Store 30% ที่ทำให้ Apple มีเผชิญการฟ้องร้องจาก Epic Games ก่อนหน้านี้ ว่า Apple ใช้อำนาจผูกขาดในการกำหนดกฎเกณฑ์บน App Store อย่างไม่เป็นธรรม อันมีเหตุมาจากEpic เปิดตัวเลือกการชำระเงินอื่นให้ผู้เล่น Fortnite จ่ายกับ Epic ได้โดยตรง เพื่อหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียม จึงถูก Apple ถอดเกมออกจาก App Store ทันที แม้คดีนี้ศาลจะตัดสินว่า Apple ไม่ได้ใช้อำนาจผูกขาดการจำหน่ายบน App Store อย่างผิดกฎหมาย แต่ก็ถูกลงโทษสำหรับการละเมิดกฎหมายการแข่งขันของรัฐแคลิฟอร์เนีย และต้องเปลี่ยนแปลงบางส่วนของวิธีปฏิบัติใน App Store ตามคำสั่งศาล
คล้าย ๆ กันกับกรณีที่ Apple โดนปรับจาก EU ราว 7 หมื่นล้านบาทในข้อหาละเมิดกฎหมายการแข่งขันทางการค้าแอปสตรีมมิ่งเพลง โดยแอปเปิลไม่อนุญาตให้บริการสตรีมมิ่งแจ้งผู้ใช้เกี่ยวกับทางเลือกการชำระเงินนอก App Store ซึ่งก็มีเหตุมาจากค่าธรรมเนียม 30% อีกเช่นกัน
โดยทางกระทรวงยุติธรรมเรียกร้องให้ศาลสั่งห้ามไม่ให้ Apple ใช้ App Store ขัดขวางแอปและนวัตกรรมใหม่ ๆ และ ระงับข้อจำกัดที่ป้องกันไม่ให้แอปข้อความ สมาร์ตวอตช์ กระเป๋าเงินดิจิทัล และเทคโนโลยีอื่นๆ สามารถรวมกับไอโฟนได้ รวมทั้งไม่ให้ Apple ใช้ข้อกำหนดตามสัญญาเพื่อ “ได้มา คงไว้ ขยาย หรือตอกย้ำ” สถานะผูกขาดที่ถูกกล่าวหา
แน่นอนว่าข่าวร้ายแรงขนาดนี้กระทบถึงมูลค่าหุ้นของ Apple ที่อยู่ในขาลงมาอย่างยาวนานหลังการประกาศยุบทีม EV ซึ่งก็เพิ่งจะกลับมาสูงขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้แต่ก็ต้องร่วงลงอีกครั้งถึง 4%
โดย Apple ถือเป็นรายหลังสุดในบรรดาบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่ถูกฟ้องผูกขาดตลาด เพราะทั้ง Google , Meta และ Amazon ต่างก็โดนสหรัฐฯ ฟ้องมาหมดแล้ว
โดยทาง Apple ก็ออกมาตอบโต้โดยการปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา บอกว่าผู้ใช้ต่างก็ยินดีที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท และภายใต้กฎหมายของสหรัฐฯ พวกเขาก็มีสิทธิ์เลือกคู่ค้าอย่างอิสระ และอ้างถึงประเด็นด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวในการตั้งกฎของตัวเอง พร้อมยืนยันว่าจะสู้คดีนี้อย่างถึงที่สุด และเตรียมยื่นร้องต่อศาลให้ยกฟ้อง
ในกรณีสหรัฐฯ มีแนวโน้มจะเป็นฝ่ายชนะสูง และหากเป็นแบบนั้นจริงก็อาจนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ Apple หรืออาจถึงขั้นเป็นหายนะครั้งใหญ่ของ Apple ได้ โดยเฉพาะเรื่องการเงิน เพราะนั่นหมายความว่า Apple อาจสูญเสียรายได้มหาศาล รวมทั้งความมั่นใจจากนักลงทุนและผู้ใช้ทั่วโลก