ในครึ่งปีแรกของปี 2024 ที่ผ่านมา มีการใช้เงิน Stablecoin ทำธุรกรรมการโอนมากกว่า 2.6 ล้านล้านดอลลาร์ แล้ว ใครเป็นผู้ใช้งานกันแน่? มาลองอ่านไปพร้อม ๆ กัน
ในฝั่งระดับประเทศทั่วโลก พวกทุนสำรองระหว่างประเทศ ภาระหนี้ต่างประเทศ สินเชื่อเพื่อการค้าระหว่างประเทศ และการบริการโอนเงินไปต่างประเทศผ่านระบบ SWIFT โดยเฉลี่ย มีการใช้งาน ดอลลาร์ 50-60% เทียบกับค่าเงินทั่วโลก
แต่ถ้าเป็น stablecoin จะมีการใช้งาน stablecoin ที่ตรึงกับดอลลาร์ 99.97% เลยทีเดียว แบ่งเป็น ทอง 0.62% Euro 0.38% และอื่นๆ 0.04%
Stablecoin ที่เชื่อมโยงกับดอลลาร์ ก็เท่ากับซื้อตราสารหนี้ของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้หน่วยงานกำกับดูแลในประเทศต่าง ๆ
“ประเทศด้อยพัฒนา” 3rd World Country หรือ แปลตรง ๆ ก็คือ ประเทศ “โลกที่สาม” ซึ่งหมายถึงประเทศที่มีการพัฒนาน้อยกว่าในทางเศรษฐกิจ คำว่า “โลกที่สาม” ถูกมองว่าไม่ถูกต้องทางการเมืองหรือล้าสมัยมากขึ้น เนื่องจากเป็นคำทางประวัติศาสตร์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับภูมิรัฐศาสตร์ ในปัจจุบัน
ราวปี 1960 คำว่า “ประเทศด้อยพัฒนา” เหล่านี้ เกิดความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อสกุลเงินท้องถิ่นของตน แม้ว่าจะมีสกุลเงินอื่นสำหรับ stablecoin แต่ดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงครองตลาดเนื่องจากสถานะสำรองทั่วโลก
สภาพคล่องของ stablecoin ยอดนิยม เช่น USDT และ USDC และความแข็งแกร่งของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น
แต่ปัญหาคือ แต่ละประเทศ ยังไม่ชัดเจนว่ากฎระเบียบในอนาคตจะสามารถจำกัด stablecoin ของดอลลาร์และส่งเสริม stablecoin ที่ได้รับการหนุนหลังโดยสกุลเงินท้องถิ่นได้หรือไม่
ผลการวิจัยที่สำคัญ
จาก 5 ประเทศ จากบุคคลหลาย ๆ ประเทศ คือ ไนจีเรีย อินโดนีเซีย ตุรกี บราซิล และอินเดีย จำนวนผู้สำรวจ 2541 คน พบว่า 50% ใช้เพื่อเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิตอล ภาพรวม ๆ 47% ใช้เพื่อเข้าถึง stablecoin รูปแบบเงินดอลลาร์ 39% ใช้เพื่อทำผลตอบแทนในโลกของคริปโต เช่น ลงทุน เทรด ทำกำไร ในตลาดคริปโต และ 34% ใช้ในการทำธุรกรรมประจำวัน ซื้อของใช้ของกิน
สกุลเงินดิจิทัลแบบ Stablecoin ได้รับความนิยมมากกว่าสกุลเงินดอลลาร์ตัวจริง เนื่องจากผลตอบแทน ประสิทธิภาพ และโอกาสที่รัฐบาลจะเข้ามาแทรกแซงน้อยกว่า
ผู้ใช้ 57 เปอร์เซ็นต์รายงานว่าการใช้งาน stablecoin เพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมาและผู้ใช้ 72% เชื่อว่าพวกเขาจะเพิ่มการใช้งาน stablecoin ในอนาคต
ในกรณีที่ Tether ได้รับความนิยม เหตุผลหลักที่รายงานคือ network effect สูง (คนใช้งานเยอะ น่าเชื่อถือ) รองลงมาคือความไว้วางใจของผู้ใช้ สภาพคล่อง และประวัติการใช้งานเมื่อเทียบกับ stablecoin อื่น ๆ
ในกรณีการใช้งานที่ไม่ใช่การซื้อขาย การแปลงสกุลเงิน (เป็นดอลลาร์) เป็นกิจกรรมที่รายงานบ่อยที่สุด รองลงมาคือการชำระเงินค่าสินค้า การชำระเงินข้ามพรมแดน และการจ่ายหรือรับเงินเดือน
Ethereum เป็นบล็อคเชนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในกลุ่มผู้ใช้ที่สุ่มตัวอย่าง รองลงมาคือ Binance Smart Chain, Solana และ Tron
กระเป๋าเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในกลุ่ม ผู้ตอบแบบสอบถามคือ Binance Exchange ตามด้วย Trust wallet, Metamask, Coinbase wallet, crypto. com และ Phantom wallet มีกระเป๋าสตางค์จำนวนมากที่ใช้
เพื่อวิเคราะห์เพิ่มเติม: 5 ประเทศนี้ มีอัตราเงินเฟ้อ เฉลี่ย 1-3 ปีที่ผ่านมา ดังนี้ :
ไนจีเรีย = 20-30% ต่อปี
อินโดนีเซีย = 2-4% ต่อปี
ตุรกี = 50-70 % ต่อปี
บราซิล = 5-9% ต่อปี
อินเดีย = 4-6% ต่อปี
ในส่วนตัวของ คุณ EarthDeFIRE มองว่า นี้เป็นหนึ่งใน Adoption Curve ที่กำลังเกิดขึ้น และ จะเกิดขึ้นต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ เนื่องจากคนทั่วโลกกำลังยอมรับ สินทรัพย์ดิจิตอล อย่าง Stablecoin เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ เครือข่ายการโอนเงินทั่วโลก จากที่ต้องเสียค่าธรรมเนียม 40-50 ดอลลาร์ เช่น การโอนเงินข้ามพรมแดน แบบ SWIFT จะเหลือเพียง หลัก 0.01 ดอลลาร์เท่านั้น
EarthDeFIRE รายงาน 22/10/2024