ร้านไก่ทอดสัญชาติอเมริกันที่สยายปีกเข้ามารุกตลาดไก่ทอดในไทยตั้งแต่ปี 2558 หลังการดำเนินธุรกิจในไทยมานาน 9 ปี ในที่สุด OR ประกาศปิดฉากยุติกิจการไก่ทอดเท็กซัสลง ในวันที่ 30 กันยายน 2567
Texas Chicken อยู่ในกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ของ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ซึ่งมีธุรกิจหลักอยู่ด้วยกัน 4 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มธุรกิจ Mobility 2. กลุ่มธุรกิจ Lifestyle 3. กลุ่มธุรกิจ Global 4. กลุ่มธุรกิจ OR Innovation
แม้ว่า Texas Chicken จะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคไทยแต่นั่นดูจะไม่เพียงพอให้ Texas Chicken มีกำไร เพราะผลประกอบการ 9 ปีที่ผ่านมา มีการขาดทุนไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท และการแบกรับภาวะขาดทุนต่อไปดูจะเป็นการได้ไม่คุ้มเสีย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะธุรกิจในกลุ่ม Lifestyle มีสัดส่วนรายได้เพียง 3.2% ของธุรกิจทั้งหมดใน OR
ก็ต้องบอกว่า Texas Chicken มีจำนวนสาขาไม่มากนัก เมื่อเทียบกับธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มของ OR ทั้งหมด เช่น Cafe Amezon มี 4.277 สาขา, Jiffy และ 7-Eleven มี 2,253 สาขา
นั่นหมายความว่า การตัดสินใจของ OR ที่ปิดกิจการ Texas Chicken ทุกสาขาในสิ้นเดือนนี้ กระทบสัดส่วนรายได้ของ OR น้อยมาก แต่อาจส่งผลต่อตัวเลขการขาดทุนของ OR ในสิ้นปีนี้อยู่ที่ 400-700 ล้านบาท
แม้จะปิดฉากร้านไก่ทอดเท็กซัสลงแล้ว แต่ OR ยังมีธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มในมือ และมีหน้าร้านสาขาอยู่ในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. อีกหลายแบรนด์ด้วยกัน ได้แก่ Cafe Amazon ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง และเป็น Top 3 ในตลาดกาแฟรวม นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ที่ OR เข้าไปถือหุ้นในบริษัท ได้แก่ ร้านกาแฟพาคามาร่า, Kamu Tea, ร้านโอ้กะจู๋, โคเอ็น ซูชิบาร์, ร้านสะดวกซักอ๊อตเตอริ
แน่นอนว่า สถานการณ์ของหุ้น OR หลังตัดสินใจปิดกิจการของ Texas Chicken ลงนั้นกระทบกับหุ้น OR มากน้อยแค่ไหน
ในช่วงแรกที่หุ้น OR มีอนาคตสดใส นักลงทุนให้ความสนใจ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแผนการรุกธุรกิจนอนออยส์ของ OR โดยเฉพาะธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่มีอัตราการเติบโตที่ดี นักลงทุนส่วนใหญ่มีความเชื่อว่านี่จะเป็นหุ้นที่มีโอกาสการเติบโตสูง ดูได้จากราคาเริ่มที่ 16 บาท และหลังเข้าIPO ราคาพุ่งไปถึง 35-36 บาท
นับตั้งแต่ OR เข้าตลาดหลักทรัพย์ กำไรของหุ้น OR ต่อปีจะอยู่ที่ 11,000 -12,000 ล้านบาท เท่ากับว่ากำไรต่อหุ้นของ OR มีเพียง 1 บาท บวกลบ ตลอดระยะเวลา 5 ปี ปัจจุบันราคาหุ้น OR ลดลงมากว่า 50% ราคาหุ้น OR ที่ตกลงอย่างต่อเนื่อง เสมือนเป็นบทพิสูจน์ว่า ความเชื่อที่นักลงทุนเคยมีนั้นหมดไป ส่วนหนึ่งมาจากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาค่อยๆ ดึงความเชื่อมั่นที่เคยมีให้ลดลง ซึ่งไม่ต่างจาก SET
การปิดตัวของ Texas Chicken ธุรกิจในมือของ OR อาจเป็นการลดปัจจัยที่จะกระทบต่อราคาหุ้น OR หากจะบอกว่า หุ้น OR คือหุ้นขวัญใจนักลงทุนในช่วงแรกก็คงไม่ผิดนัก เพราะเป็นธุรกิจที่เข้าใจได้ไม่ยาก โดยเฉพาะธุรกิจร้านกาแฟ Cafe Amazon แต่ต้องบอกว่า ธุรกิจ Lifestyle เป็นธุรกิจที่มีสัดส่วนรายได้ต่อภาพรวมของ OR น้อยมาก เมื่อเทียบกับธุรกิจหลักอย่างการขายน้ำมัน
แน่นอนว่านักลงทุนจะต้องมองเรื่องของผลประกอบการของ OR มาเป็นอันดับแรก และทิศทางการเติบโต โดยเฉพาะเมื่อ OR ตัดสินใจที่จะตัดธุรกิจที่ติดลบ และน่าจะฉุดภาพลักษณ์ที่สำคัญต่อมุมมองของนักลงทุนออก พร้อมมองหาธุรกิจที่สดใหม่ เข้ามาเติมเต็ม Port Folio แม้ว่าที่ผ่านมา OR จะมีกำไรจากการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องเมื่อพิจารณาจากปี 2562 ทว่า เป็นกำไรที่ลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน นี่อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นายใหญ่ของ OR ประกาศการจับมือกับพันธมิตรเพื่อลงทุนธุรกิจใหม่
เมื่อนายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรเพื่อลงทุนธุรกิจใหม่ และคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 2 เดือนข้างหน้า โดย OR ให้ความสำคัญในกลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์ และธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของ OR ในการมุ่งสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม นอกเหนือจากธุรกิจหลักด้านน้ำมันและค้าปลีก
ล่าสุดมีการจับมือกับพันธมิตรจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) โดยร่วมกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS เพื่อยื่นขอใบอนุญาตการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา โดย OR ถือหุ้น 20%
ทั้งการเข้าตลาดหุ้นของร้านโอ้กะจู๋ ที่ OR ถือหุ้นอยู่ 20% และการร่วมลงทุนกับพันธมิตรใหม่ๆ น่าจะเพิ่มภาษีให้หุ้น OR เนื่องจากที่ผ่านมา โบรกเกอร์เคยออกมาวิเคราะห์หุ้นบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ว่า ราคาหุ้นน่าจะมีโอกาสปรับดีขึ้นจากหลายปัจจัย เช่น ธุรกิจ Lifestyle ของ OR น่าจะยังรักษาฐานกำไรที่สูงเอาไว้ได้ และธุรกิจ Mobility น่าจะได้เห็นการฟื้นตัวของปริมาณการขายน้ำมันในประเทศ แม้ว่าโบรกเกอร์จะแนะนำให้นักลงทุนซื้อ และซื้อเพียงเก็งกำไรในระยะสั้นก็ตาม ทั้งนี้ดูเหมือนว่า ราคาการซื้อขายหุ้น OR จะขึ้นอยู่กับผลประกอบการของธุรกิจ OR เป็นหลัก
จากนี้คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า OR จะปรับแผนธุรกิจเพื่อฟื้นความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นกับนักลงทุนได้หรือไม่