*ในบทความนี้ไม่ได้ชี้นำหรือขายของให้บริษัทประกันใด เพียงให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับประกันที่คุ้มครองภัยน้ำท่วมเท่านั้น
ช่วงหน้าฝนนี้ข่าวน้ำท่วมในพื้นที่ 12 จังหวัด ได้สร้างความกังวลใจให้กับคนไทยจำนวนมาก เพราะมีผู้ได้รับผลกระทบแล้วกว่า 3 หมื่นครัวเรือน และมีประกาศพื้นที่เฝ้าระวังอีก 45 จังหวัด โดยตอนนี้หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งรัฐและเอกชนก็กำลังพยายามเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มความสามารถ แต่ก็ยังไม่เพียงพอ
น้ำท่วมไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ผู้คนแค่ตอนมันท่วมเท่านั้น แต่หลังจากน้ำลดแล้ว ทุกอย่างก็ไม่ได้กลับมาเป็นปกติ ยังทิ้งซากความเสียหายต่อบ้านเรือนและทรัพย์สินเอาไว้แบบที่ทำบางครอบครัวเหลือเพียงตัวเปล่าได้เลย นั่นทำให้สิ่งที่มีความสำคัญมากขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ทุกข์ยากแบบนี้คือ ประกันภัยบ้านและทรัพย์สิน
นอกจากประกันชีวิตและประกันสุขภาพ ประกันภัยบ้านก็เป็นสิ่งสำคัญที่อาจช่วยลดความยากลำบากของคุณในวันที่เกิดเหตุไม่คาดคิด หรืออาจจะพอคาดคิดมาแล้วได้ แต่หลายคนอาจไม่ได้คิดว่าต้องมี เพราะอยู่ในพื้นที่ที่ปกติน้ำไม่ได้ท่วม หรือท่วมก็ไม่ได้หนักจนเดือดร้อน แต่ความเสี่ยงมันก็ไม่ได้หายไปไหน การปิดความเสี่ยงด้วยประกันภัยจึงสำคัญอยู่เสมอ
ประกันภัยสำหรับบ้านและทรัพย์สิน คือสิ่งที่จะช่วยปิดความเสี่ยงบางส่วนจากภัยน้ำท่วม ซึ่งก็มีหลากหลายรูปแบบกรมธรรม์ในตลาด โดยส่วนใหญ่ครอบคลุมทั้ง 6 ภัยหลัก: ไฟไหม้ ฟ้าผ่า ระเบิด ยานพาหนะ อากาศยาน ภัยจากน้ำที่ไม่ใช่น้ำท่วม 4 ภัยธรรมชาติ: พายุ น้ำท่วม แผ่นดินไหว ลูกเห็บ และยังรวมถึงความเสียหายจากการโจรกรรมด้วย
ความคุ้มครองสิ่งปลูกสร้างจากไฟไหม้ ฟ้าผ่า ระเบิด น้ำ(ที่ไม่ใช่น้ำท่วม) สัตว์ ยานพาหนะ อากาศยาน มักจะได้ตามทุนประกันที่ทำเอาไว้ กี่เปอร์เซ็นของมูลค่าบ้านก็ว่าไป ส่วนทรัพย์สินในสิ่งปลูกสร้างก็มักจะได้ราว 5-20% ของเงินเอาประกันของสิ่งปลูกสร้าง
ในส่วนของความคุ้มครองจากน้ำท่วม จะอยู่ในหมวดภัยธรรมชาติ ซึ่งกรมธรรม์ส่วนใหญ่ให้ความคุ้มครองที่ 20,000 บาท/ปี แบบจ่ายแล้วจบ ไม่ว่าปีนั้นน้ำจะท่วมกี่ครั้ง ซึ่งนั่นไม่ใช่เงินที่มากมายอะไร ท่วมนิด ๆ อาจจะพอคุ้มได้ แต่ถ้าท่วมครั้งใหญ่จนอยู่ไม่ได้ แค่สองหมื่นอย่างไรก็ไม่คุ้ม ส่วนใหญ่จึงมีตัวเลือกให้ซื้อความคุ้มครองส่วนนี้เพิ่มได้ ไม่เกิน 5-10% ของทุนประกัน หรือสูงสุดอาจได้ถึง 2 ล้านบาท
นอกจากนี้ถ้าท่วมหนักจนอยู่ไม่ได้หลายที่ก็จะมีเงินชดเชยค่าที่ชั่วคราวให้วันละ 1,000 บาท ไม่เกินกี่วันหรือปีละกี่บาทก็แตกต่างกันไปในแต่ละบริษัท บางที่ได้สูงสุด 3 เดือน หรืออาจสูงถึง 1 แสนบาท
โดยทั่วไปจะมีเบี้ยประกันหลักเริ่มต้นพันกลาง ๆ ถึงพันปลาย ๆ ไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทต่อปี ขึ้นอยู่กับทุนประกันซึ่งคำนวณจากมูลค่าบ้านและทรัพย์สิน ซึ่งก็อาจคุ้มขึ้นหากเลือกแผนความคุ้มครองหลายปีหน่อย เพราะจะได้ราคาต่อปีที่ถูกลง
แต่การทำประกันบ้านและทรัพย์สินนั้นมีเงื่อนไขสำคัญที่ควรระวังคือ สำหรับภัยน้ำท่วมจะมีระยะเวลารอคอย 7 วัน ความคุ้มครองถึงจะมีผล ถ้าท่วมก่อนครบ 7 วันหลังทำประกันก็ถือว่าไม่เข้าเงื่อนไข และในแต่ละกรมธรรม์อาจมีรายละเอียดยิบย่อยที่แตกต่างกันไป จึงควรศึกษาข้อมูลของแต่ละกรมธรรม์อย่างละเอียดและปรึกษากับตัวแทนทุกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าเมื่อเกิดภัยขึ้น บ้านและทรัพย์สินของคุณจะได้รับความคุ้มครองอย่างที่ควร