หากพูดถึงแบรนด์แฟชั่นที่มาแรงมาก ๆ ในยุคนี้ Shein คือหนึ่งในอันดับต้น ๆ แต่ที่แรงไม่แพ้กระแสนิยมก็คงเป็นกระแสต่อต้าน เพราะแม้แบรนด์จะจำหน่ายเสื้อผ้าแฟชั่นหลากหลายในราคาที่เข้าถึงง่ายมาก แต่ก็แลกมาด้วยการกระทำหลายอย่างที่สร้างผลกระทบทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และรวมถึงความเป็นอยู่ของพนักงานด้วย หรือพูดง่าย ๆ คือสวนทางกับความยั่งยืนและ ESG ที่สังคมปัจจุบันให้ความสำคัญในภาคธุรกิจ จนเกิดเป็นข่าวฉาวอยู่บ่อยครั้ง การผลิตที่มากเกินไป การขโมยแบบเสื้อผ้าจากดีไซเนอร์และแบรนด์อื่น รวมถึงการใช้งานพนักงานอย่างหนัก ซึ่งดูเหมือนว่ายังไม่เปลี่ยนแปลง
ในปี 2021 Public Eye องค์กรเอกชนสวิสที่ให้ความสำคัญกับความยุติธรรมและความยั่งยืน เคยให้นักสำรวจเข้าตรวจสอบโรงงานซัปพลายเออร์จำนวน 17 แห่งของ Shien และสัมภาษณ์พนักงาน 10 คนจาก 6 โรงงานในกว่างโจว พบว่าโรงงานไม่มีมาตรฐานความปลอดภัยที่ดีพอตามที่ Supplier Code of Conduct หรือเงื่อนไขการปฏิบัติงานสำหรับซัปพลายเออร์ที่ Shein ประกาศไว้ โรงงานที่ไปสำรวจไม่มีทางออกฉุกเฉิน และหน้าต่างยังถูกกั้น
ในส่วนของพนักงานนั้น หลายคนทำงานโดยไม่มีสัญญาจ้าง และต้องทำงานถึง 3 กะ ตั้งแต่ 8.00-22.30 น. หรือกว่า 75 ชั่วโมงใน 1 สัปดาห์ และได้หยุดเพียงแค่เดือนละ 1 วันเท่านั้น ซึ่งใน Code of Conduct ระบุไว้ไม่ให้เกิน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และล่วงเวลาได้ไม่เกิน 36 ชั่วโมงต่อเดือน โดยพนักงานเหล่านี้จะได้รับค่าจ้างมากสุด 10,000 หยวนในเดือนที่มียอดดี ส่วนในเดือนที่ซบเซาจะได้รับเพียงหนึ่งในสามเท่านั้น โดยหลังจาก Public Eye รายงานการสำรวจ Shein ก็ออกมาบอกว่าจะเร่งดำเนินการตรวจสอบและแก้ไข พร้อมย้ำว่าให้ความสำคัญกับเงื่อนไขการปฏิบัติงานสำหรับซัปพลายเออร์มากขึ้น
2 ปีต่อมาในช่วงปลายฤดูร้อนปี 2023 Public Eye ให้ทีมงานเข้าสำรวจอีกครั้งเพื่อติดตามความคืบหน้าของ Shein สัมภาษณ์พนักงาน 13 คน อายุ 23-60 ปี จากโรงงาน 6 แห่งในกว่างโจว พบว่าทุกอย่าง “ยังเหมือนเดิม” ชายคนหนึ่งเล่าว่าเขายังต้อง “ทำงาน 8 โมงเช้าถึง 22.30 น. ในตอนกลางคืน และได้หยุดแค่วันเดียวในแต่ละเดือน” เขากล่าวเสริมว่า “หยุดมากกว่านั้นไม่ได้หรอก มันเสียมากเกินไป” การทำงาน 75 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ยังคงเป็นเรื่องปกติของพนักงานที่นี่ 12 ชั่วโมงต่อวันโดยไม่รวมเวลาพัก ตลอด 7 วัน ทั้งที่ในข้อตกลงระบุไว้ให้ไม่เกิน 60 ชั่วโมงรวมล่วงเวลา ซึ่งพนักงานก็ยังได้รับค่าตอบแทนไม่ต่างจากเดิม พนักงานส่วนใหญ่มีรายได้ 6,000-10,000 หยวนต่อเดือน
ผู้ให้สัมภาษณ์ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่ามีกล้องวงจรปิดอยู่ทั่วโรงงาน โดยเชื่อว่าเพื่อให้ Shein สามารถควบคุมพวกเขาได้ และ Public Eye ยังพบว่ามีเด็กเล็กถูกเลี้ยงดูในโรงงาน รวมถึงวัยรุ่นที่กำลังบรรจุสินค้าด้วย
นอกจากนี้ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยต่าง ๆ Public Eye ยังพบว่าในโรงงานไม่มีแม้กระทั่งป้ายเตือนห้ามสูบบุหรี่
Shein รับทราบข้อมูลจากรายงานล่าสุดของ Public Eye และได้ตอบอีเมลเพื่อชี้แจงในประเด็นต่าง ๆ
ทางแบรนด์ยอมรับว่าปัญหาเรื้อรังเรื่องชั่วโมงการทำงานเป็นความท้าทายที่แบรนด์ต่าง ๆ รวมถึงส่วนอื่น ๆ ในระบบนิเวศแฟชั่นต้องร่วมมือกัน บอกว่าซัปพลายเออร์ดังกล่าวไม่ได้ขึ้นตรงกับ Shein แค่แบรนด์เดียว สื่อว่าแบรนด์อื่นที่ผลิตจากที่นี่ก็เจอปัญหานี้เหมือนกัน พร้อมให้คำมั่นว่าจะปรับปรุงให้ดีที่สุดในส่วนของตัวเอง และยืนยันว่ามีการจ่ายค่าตอบแทนให้พนักงานอย่างคุ้มค่า
ในเรื่องของเด็กเล็กและวัยรุ่นในโรงงาน Shein กล่าวว่าตระหนักถึงความจำเป็นของพนักงานที่ต้องสร้างสมดุลในการทำงานและเลี้ยงลูก ได้ลงทุนไปกว่า 150,000 ดอลลาร์สหรัฐเพื่อสร้างศูนย์ดูแลเด็ก 10 แห่งในปี 2023 และจะเพิ่มอีก 25 แห่งในปี 2024 รวมถึงมีกิจกรรมอื่น ๆ ให้ลูก ๆ ของพนักงานได้ทำระหว่างที่พ่อแม่ทำงานด้วย และหากพบหลักฐานการเอกสารการใช้แรงงานเด็กในอาคารของ Shein ก็สามารถแจ้งได้เลย
ส่วนเรื่องมาตรฐานความปลอดภัย ก็มีมาตรกำกับชัดเจน มีการแจ้งให้ซัปพลายเออร์ปรับปรุง และในเรื่องการสอดส่องด้วยกล้องวงจรปิด Shein ปฏิเสธว่าทางบริษัทไม่มีสิทธิ์เข้าถึงกล้องดังกล่าว เป็นนโยบายของซัปพลายเออร์เอง ซึ่งได้รับความยินยอมจากพนักงานในการบันทึกการทำงาน
Shein ย้ำว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับเงื่อนไขการปฏิบัติงานของซัปพลายเออร์มาก และหากมีการละเมิดก็พร้อมจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด นั่นรวมถึงการยุติสัญญาด้วย ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วพบปัญหาจะแจ้งให้ซัปพลายเออร์ทราบและต้องปรับปรุงแก้ไขภายใน 30 วัน ไม่อย่างนั้นก็สิ้นสุดความสัมพันธ์ทางธุรกิจ
ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งมีข่าวว่า Shein กำลังเตรียมตัวสำหรับการ IPO ในตลาดหุ้นลอนดอนแทน หลังจากพบอุปสรรคมากมายในข้อกำหนดการ IPO ในตลาดหุ้นสหรัฐ ถึงอย่างนั้นการ IPO ของ Shein ก็อาจไม่สามารถกดดันให้ใส่ใจกับความยั่งยืนอย่างจริงจัง และเลิก Greenwashing ได้ เพราะที่ผ่านมาก็เพิ่งมีการลงทุนเพิ่มอีกนับพันล้านดอลลาร์ ทำให้เห็นว่า Shein ยังคงถูกหนุนหลังด้วยคนที่ให้ค่ากับเม็ดเงินที่บริษัทสร้างได้มากกว่าความยั่งยืน ซึ่งสุดท้ายแล้ว Shein จะทนรับแรงกระแทกและเติบโตต่อไปได้อีกแค่ไหน จะ IPO ได้สำเร็จไหม ต้องรอติดตามกันต่อไป