หลังจากสร้างความฮือฮาดันราคาหุ้นพุ่งเกือบ 1,000% บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI ยังสร้าง Story ไม่หยุด ล่าสุด MGI เข้าซื้อหุ้น SABUY 30 ล้านหุ้น ‘ณวัฒน์ อิสรไกรศีล’ บอส MGI นั่งแท่นรองประธานกรรมการบริหาร ดันราคาหุ้น SABUY พุ่งสูงสุดแตะ 5.50 จับตากลยุทธ์สร้าง Synergy Story หนุนกระแสเครือข่ายหุ้นนางงาม
บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI ของบอส ‘ณวัฒน์ อิสรไกรศีล’ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2566 ที่ผ่านมา ด้วยราคา IPO ที่ 4.95 บาท และสร้างความฮือฮาด้วยการพุ่งขึ้นไปทำราคาสูงสุดที่ 65.25 บาท หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 1,000% จนตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องพักการซื้อขาย และออกประกาศเตือนนักลงทุน เนื่องจากการซื้อขายปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในเวลาอันสั้น เกินปัจจัยพื้นฐานของบริษัท แม้จะอยู่ในมาตรการกำกับการซื้อขายก็ตาม หลังจากนั้นราคาหุ้น MGI ค่อย ๆ ปรับตัวลดลง โดยราคาปิดล่าสุดวันที่ 1 เม.ย. 2567 อยู่ที่ 34 บาท
ล่าสุด MGI เข้าซื้อหุ้นบริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY จำนวน 30 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 4.50 บาท เป็นจำนวนเงิน 135 ล้านบาท และทำให้ MGI ถือหุ้นใน SABUY 1.70% และบอสณวัฒน์ ดำรงตำแหน่งกรรมการ และรองประธานกรรมการบริหาร แทนนายชูเกียรติ รุจนพรพจี ที่ลาออกมีผลวันที่ 1 เม.ย. 2567 เป็นต้นไป
ณวัฒน์ ทำหนังสือชี้แจงการเข้าลงทุนใน SABUY ครั้งนี้ จะช่วยต่อยอดและขยายธุรกิจของบริษัทฯ เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจหลากหลายช่องทาง ดังนี้
1. ช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าในเครือบริษัทฯ ผ่าน ตู้ Vending กว่า 13,000 จุด ทั่วประเทศ
2. ช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าผ่าน ระบบ Direct Sales
3. ช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านระบบ Telesales
4. ระบบการเงิน Sabuy Money และ Wallet
5. ระบบการเงินอื่นๆ ระบบ ผ่อนสบาย, P Loan และ Nano Loan
6. ระบบการจัดการฐานข้อมูลลูกค้า และ Digital Data ขนาดใหญ่ ที่เป็นฐานลูกค้าของกลุ่ม SABUY
7. ระบบการจัดส่ง และ Fulfillment – Sabuy Speed กว่า 21,000 จุด ทั่วประเทศ
8. การใช้ Infrastructure และ Ecosystem ทางธุรกิจ เพื่อขยายธุรกิจเข้าสู่ระดับภูมิภาค
9. Media channel Outlet ผ่านเครื่อข่ายตู้เติมเงิน และ Vending รวมกว่า 70,000 จุด ทั่วประเทศ
ถือเป็นการสร้าง Synergy Story เพื่อสร้างการเติบโตให้ MGI อีกครั้งของบอสณวัฒน์ ซึ่งทำให้ราคาหุ้น SABUY ขึ้นไปสูงสุดที่ 5.15 หรือเพิ่มขึ้น 14.77% ก่อนลงมาปิดที่ระดับ 4.70 บาท ในวันที่ 1 เม.ย. 2567 เพิ่มขึ้น 0.30 บาท หรือเพิ่มขึ้น 6.82% ขณะที่หุ้น MGI ขึ้นไปแตะระดับ 37 บาท เพิ่มขึ้น 2.07% ก่อนลงมาปิดที่ 34 บาท ลดลง 2.25 ยาท หรือลดลง 6.21% จากวันศุกร์ที่ 29 มี.ค. 2567
ก่อนหน้านี้ ณวัฒน์ ได้เข้าซื้อหุ้นบริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี หรือ AJA เพิ่ม และขยับขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 4 ถือหุ้นรวมจำนวน 200,231,905 หุ้น หรือเป็นสัดส่วน 3.74% ของทุนจดทะเบียน ณวัฒน์ กับ AJA มีความสัมพันธ์กันอย่างยาวนาน นอกจาก AJA จะเป็นสปอนเซอร์การประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ มาตั้งแต่ปี 2556 ณวัฒน์ ยังถือหุ้น AJA มาไม่ต่ำกว่า 8 ปี
อย่างที่ทราบกันดีว่า AJA ทำธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน ที่เผชิญความท้าทายกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี แม้ AJA จะพยายามเพิ่มธุรกิจใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น EV Bike เหมืองบิตคอยน์ ตัวแทนให้บริการสมาชิกอาลีบาบา ประเทศไทย แต่ผลประกอบการของ AJA ยังขาดทุนอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดปี 2566 บริษัทมีรายได้ 326.29 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 38 ล้านบาท ช่วงที่บอสณวัฒน์เข้ามาถือหุ้น ราคาหุ้น AJA ปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น จากระดับราคา 0.18 บาท ขึ้นมา 0.50 บาทต่อหุ้น ปัจจุบันราคาหุ้น AJA อยู่ที่ 0.27 บาทต่อหุ้น (วันที่ 1 เม.ย.2567)
เช่นเดียวกับ SABUY ที่ผลประกอบการล่าสุด ในปี 2566 แม้จะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 9,600 ล้านบาท แต่มีผลขาดทุนสุทธิ 190 ล้านบาทจากการลงทุนในบริษัท TKC และการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญในธุรกิจ SBNEXT รวมทั้งแผนในการปรับโครงสร้างธุรกิจลดความซ้ำซ้อน เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านพนักงานอีกราว 200 – 250 ล้านบาท ในปี 2567
กลยุทธ์การสร้าง Synergy Story ของบอสณวัฒน์ ไม่ว่าจะเป็นกรณีของ AJA หรือ SABUY ยังคงต้องติดตามต่อไปว่าจะส่งผลดีต่อเครือข่ายธุรกิจนางงามของ MGI มากน้อยเพียงใด แต่ที่แน่ ๆ ก็ช่วยปลุกกระแสหุ้นในกลุ่ม MGI ให้มีสีสันขึ้นมาได้ ซึ่งต้องจับตาดูต่อไปว่าจาก Synergy Story จะนำไปสู่ Synergy Strategy ระหว่างธุรกิจในเครือข่ายหุ้นนางงามของณวัฒน์ และจะสามารถช่วยพลิกฟื้นผลประกอบการของทั้ง AJA และ SABUY ที่มีผลขาดทุนให้กลับมาได้อย่างไร