ตัวเลขหนี้เสียประมาณ 6 แสนล้านที่บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) รายงานออกมาซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้จากบ้านมูลค่าต่ำกว่า 3 ล้าน ในขณะที่หนี้ครัวเรือนที่ยังพุ่งไม่หยุด และยอดการปฏิเสธปล่อยสินเชื่อบ้านสูงกว่า 50% ที่กลายเป็นข้อจำกัดในการจะดันยอดขายให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ในสิ้นปี
ในรายที่ทำโปรดักท์บ้านลักซ์ชัวรี และเจาะกลุ่มกำลังซื้อสูงอาจไม่ต้องกังวลกับปัญหาที่กล่าวมา แต่สำหรับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ทำตลาดในเซ็กเมนต์ประมาณ 1.5-3 ล้านบาทคงต้องคิดหนักและหาโมเดลการตลาดใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพมาดันยอดขายให้ได้มากที่สุด โดยที่ไม่เหลือยูนิตตกค้างในมือมากนัก
เมื่อขายรายย่อยเป็นเรื่องที่ยากขึ้นกว่าเดิม แนวคิดของการขายยกตึกให้กับนักลงทุนที่มีเงินพร้อมและกำลังมองหาโอกาสในการสร้างผลตอบแทนใหม่ๆ ก็เป็นอีกโมเดลที่บริษัทอสังหาฯ หลายค่ายดันออกมาอย่างต่อเนื่อง
Origin Apartment Investment โปรแกรมที่ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ปล่อยออกมาเป็นทางเลือกใหม่ให้กับนักลงทุน ซึ่งเป็นการขายแบบยกชั้น ยกตึก เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าในโครงการที่มีทำเลใกล้แหล่งชุมชนและนิคมอุตสาหกรรม อาทิ บางนา-บางปะกง และบางแค เป็นต้น โดยออริจิ้น มีบริษัทลูกเข้ามารับบริหารจัดการให้ในช่วง 10 ปีแรก ส่วนผลตอบแทนอยู่ในช่วง 5-7%ต่อปี
โมเดลนี้นักลงทุนจะซื้อยกตึกจากนั้นทางทีมงานซึ่งเป็นบริษัทในเครือของออริจิ้นจะเข้ามาดูแล และปล่อยเช่า โดยคิดเป็นค่าฟี ประมาณ 5-10% เพื่อสร้างผลตอบแทนตามที่กำหนดไว้ในโปรแกรม ซึ่งคาดว่าจะเริ่มในไตรมาส 2-3 ปี 2567 เช่น ทำเลบางปู บางพลี สมุทรปราการ และ EEC
นอกจาก ออริจิ้น มีอสังหาฯ อีกไม่น้อยที่เริ่มนำโมเดลนี้มาใช้กระตุ้นยอดขาย เช่น เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ ที่เตรียมนำโครงการบางทำเลมาขายยกตึกให้นายทุน โดยมีบริษัทในเครือรับบริหารงาน
การพลิกหาโอกาสของบริษัทอสังหาฯ จากขายนักลงทุนรายย่อยเป็นรายยูนิต ซึ่งต้องใช้เวลากว่าจะระบายสินค้าในมือออกได้หมด โมเดลขายยกตึกจึงเป็นทางเลือกที่ใช่สำหรับสถานการณ์โดยรวมในปีนี้ เรียกว่า Win Win กันทุกฝ่าย
ด้านดีเวลลอปเปอร์ระบายสต็อกในมือง เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน ส่วนนักลงทุนก็มีทางเลือกการลงทุนใหม่ที่ปลอดภัย และ ความผันผวนต่ำกว่าเมื่อเทียบกับการลงทุนรูปแบบอื่น โดยผลตอบแทนจะมาจากการปล่อยเช่า (Rental Yield) และมูลค่าคอนโดมิเนียมจากระยะเวลาที่เพิ่มขึ้น (Capital Gain)
นอกจากนี้ยังตอบโจทย์แนวโน้มความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนไป จากซื้ออยู่อาศัยเป็นเช่ามากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าคนไทยวัยเริ่มต้นทำงาน (First Jobber) ส่งผลให้ปริมาณการเช่าเพิ่มขึ้น และเป็นสัญญาณที่ดีให้กลุ่มนักลงทุนที่กำลังเตรียมช้อปคอนโดมิเนียมเพื่อการลงทุนใหม่เข้าพอร์ตการลงทุน