การอนุมัติ Bitcoin ETF ผ่านไปแล้วกว่าสองสัปดาห์แต่ราคา Bitcoin ยังไม่ปรับตัวขึ้นอย่างที่คาดหวังกันไว้ และยังถูกเทขายลงมาอีกด้วย โดยลงมาจากจุดสูงสุดที่ 49,000 ดอลลาร์ ลงมาทำจุดต่ำสุด ณ วันที่ 23 มกราคม ที่ 39,000 ดอลลาร์ หรือปรับตัวลงมากกว่า 20%
คำถามคือทำไม Bitcoin ไม่ขึ้นแถมยังถูกขายอีกด้วย แล้วเมื่อไรถึงจะขึ้น?
สาเหตุแรก ราคา Bitcoin ได้ Price In กับข่าวของการอนุมัติ Bitcoin ETF ไปล่วงหน้าแล้ว จากการที่ข่าวการอนุมัติถูกเปิดเผยออกมาจึงเข้าช่วงที่เรียกว่า Sell On Fact ตามปกติของการลงทุน
อีกสาเหตุคือแรงเทขายจากกองทุน GBTC หรือ Grayscale ซึ่งได้รับการอนุมัติให้เป็น ETF จากเดิมเป็นกองทรัสต์ แต่ในช่วงที่เป็นกองทรัสต์นั้น ราคามีการ Discount จากราคา Bitcoin ในตลาดจริง เนื่องจากสภาพคล่องซื้อขายที่ต่ำ แต่พอถูกยกระดับมาเป็น ETF ราคาที่ซื้อขายกันอยู่กลับมาเท่ากับราคาตลาดในที่สุด
หมายความว่านักลงทุนที่ถือ Bitcoin ผ่าน GBTC ตั้งแต่สมัยยังเป็นกองทรัสต์จะกลับมามีกำไรและบางส่วนย่อมต้องการขายทำกำไร รวมถึงย้ายออกจาก GBTC ที่มีค่าธรรมเนียมซื้อขายที่ค่อนข้างสูงคือ 1.5% ไปยังกองทุน Bitcoin ETF อื่นที่มีค่าธรรมเนียมถูกกว่า จากสถิติได้ระบุชัดว่าจำนวนเม็ดเงินที่ออกจาก GBTC ไปยังกองทุนอื่นอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน
เท่ากับว่าเม็ดเงินที่เห็นไหลเข้าใน Bitcoin ETF ยังไม่ใช่เม็ดเงินใหม่ที่เข้ามาลงทุนแต่เป็นเงินเก่าที่เปลี่ยนกองเล่นเท่านั้น บ่งบอกว่านักลงทุนสถาบันยังไม่ได้เข้ามาใน Bitcoin อย่างเต็มตัว
ประกอบกับแรงเทขายจาก FTX ที่ถือ Bitcoin ไว้ใน GBTC เพื่อนำมาใช้คืนหนี้ให้กับลูกหนี้ถือเป็นแรงขายที่เยอะพอที่จะทำให้เกิดการปรับฐานที่แรง อีกทั้งยังมีข่าวของ Mt.Gox เว็บเทรด Bitcoin ชื่อดังในอดีตที่มีการทยอยคืน Bitcoin ให้กับลูกค้าเก่า ซึ่งราคาทุนส่วนใหญ่จะอยู่ในหลักพันดอลลาร์ฯ เนื่องจากถือมานานเกือบสิบปี ทำให้บางคนที่ได้คืนมาหวังที่จะขายทำกำไร
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มจะชะลอการลดดอกเบี้ยออกไป ยังไม่เกิดขึ้นในเดือนมีนาคมตามที่ตลาดคาด ทำให้ฟันด์โฟลว์ยังไม่ไหลเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ
คำถามต่อไปแล้วเมื่อไร Bitcoin จะเป็นขาขึ้น? จากสถิติในอดีตหลังจากการเกิด Halving ไปแล้วราคา Bitcoin จะทยอยปรับตัวขึ้นโดยใช้เวลา 2-3 เดือน ก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่ตลาด Bullish ในช่วงปลายปี
จากการคำนวณเวลาคาดว่า Bitcoin Halving ปีนี้จะเกิดขึ้นประมาณต้นเดือนเมษายน จึงเป็นไปได้ว่าก่อนจะเข้าสู่การ Halving ราคา Bitcoin อาจจะถูกเก็งกำไรขึ้นมาอีกรอบ
อย่างไรก็ตาม สามปัจจัยที่จะผลักดันราคา Bitcoin อย่างเช่นการมี ETF เป็นเพียงการเปิดประตูให้มีเม็ดเงินมหาศาลจากนักลงทุนสถาบันเข้ามาลงทุนได้สะดวกเท่านั้น ส่วนเรื่องของ Halving ก็เป็นแค่การลดซัพพลายใหม่ลง สองปัจจัยนี้ไม่ได้มีผลต่อการเพิ่มมูลค่าของ Bitcoin โดยตรง
การที่ Bitcoin จะเป็นขาขึ้นได้จะต้องมาจากคุณสมบัติเด่นภายในตัวเอง ที่จะเป็นเหตุผลให้นักลงทุนทั่วโลกจำเป็นต้องลงทุนใน Bitcoin ยกตัวอย่างกับการลงทุนในหุ้น นักลงทุนก็จะตัดสินใจจากแนวโน้มกิจการที่จะเติบโตด้วยเหตุผลต่างๆ
ดังนั้นการที่ Bitcoin จะเป็นที่ต้องการในตลาดจะต้องมีเหตุผลสนับสนุนที่ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจว่า Bitcoin จะเติบโตได้ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติในการเอาชนะเงินเฟ้อหรือการเป็นระบบการเงินทางเลือกในยุคดิจิทัล
สภาพคล่องที่มีอยู่ล้นโลกจนสูงที่สุดในประวัติศาสตร์จะทำให้เกิดการด้อยค่าของเงิน Fiat รวมถึงสินทรัพย์อื่นที่เกี่ยวข้อง น่าจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้นักลงทุนทั่วโลกต้องหันมาถือครอง Bitcoin เมื่อใดที่นโยบายการเงินของทั้งโลกเริ่มผ่อนคลายลง เมื่อนั้นน่าจะเป็นช่วงที่ฟันด์โฟลว์ไหลเข้ามาลงทุนใน Bitcoin จนกลายเป็นขาขึ้นได้ในที่สุดนั่นเอง
เขียนโดย นเรศ เหล่าพรรณราย