ตลอดหลายปีมานี้ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งที่ค่อย ๆ ปฏิวัติวงการธุรกิจทั่วโลกอย่างเงียบ ๆ มาโดยตลอด นั่นคือการเกิดขึ้นของ SHEconomy หรือ เศรษฐกิจของผู้หญิง เป็นคำที่ใช้นิยามการเติบโตของอิทธิพลของผู้หญิงในฐานะสิ่งที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและผู้ตัดสินใจ
ที่เรียกได้ว่าเป็นการท้าทายระบบเศรษฐกิจและรูปแบบธุรกิจแบบเดิม ๆ เปลี่ยนแปลงหลากหลายอุตสาหกรรมไปพร้อม ๆ กัน
ซึ่งจากการศึกษาของ Economist Intelligence Unit หรือ EIU แสดงให้เห็นว่าสิ่งนี้ไม่ใช่แค่กระแส แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่หยั่งรากลึกถึงพื้นฐานของหลากหลายธุรกิจ ที่จำเป็นจะต้องปรับตัวหากไม่อยากถูกทิ้งจากการเปลี่ยนแปลงนี้
ข้อมูลจากการศึกษาของ EIU เผยว่ากำลังซื้อของผู้หญิงทั่วโลกเติบโตสูงเฉลี่ย 6% ต่อปี
จากที่เคยมีอยู่ 18 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2557 อาจสูงถึง 46 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2573 โดยมีผลมาจาก 3 ปัจจัยใหญ่ด้วยกัน คือ
[ปัจจัยที่ 1] – สัดส่วนประชากร
ตลาดผู้หญิงในกลุ่ม Millennials มีกำลังซื้อสูงและกล้าใช้จ่าย โดยหญิงวัยทำงานอายุ 27-42 ปี ทั่วโลกมีจำนวนกว่า 1,180 ล้านคน คิดเป็นเกือบ 30% ของประชากรผู้หญิงทั้งหมด และปี 73 อาจเพิ่มสูงถึง 1,511 ล้านคน หรือกว่า 35% เลย
ในไทยเองก็มีจำนวนประชากรกลุ่มนี้ในสัดส่วนที่ไม่ต่างกันนักประมาณ 9.2 ล้านคน 25% ของประชากรหญิงไทย และอาจโตถึง 11.4 ล้านคน หรือ 30% ในปี 73
.
[ปัจจัยที่ 2] – บทบาท และพลังของผู้หญิงในยุคใหม่
บทบาทของผู้หญิงที่โดดเด่นขึ้นในตลาดแรงงาน สร้างรายได้มากขึ้นกว่าที่เคย โดยมีข้อมูลจากกรมแรงงานของสหรัฐที่เผยว่า หนึ่งใน 11 คนของผู้หญิงอเมริกันเป็นเจ้าของธุรกิจ และนิตยสาร Forbes เผยในปี 2019 ว่าผู้บริหารระดับ C-Level เป็นผู้หญิงถึง 25% ในบริษัทท็อปพันของสหรัฐ
[ปัจจัยที่ 3] – เพราะแม่ก็คือแม่
อำนาจการตัดสินใจการใช้จ่ายในครัวเรือนอยู่ในมือผู้หญิง นี่ถือเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่หลายคนไม่แปลกใจเลย หากเรามองข้ามเรื่องของบทบาททางเพศใด ๆ เลยก็ตาม นี่แทบจะเป็นวัฒนธรรมครอบครัวในหลายประเทศที่ยังส่งต่อมาถึงปัจจุบัน
หลาย ๆ ครอบครัวเวลาไปซื้อของเข้าบ้านแม่มักจะเป็นคนตัดสินใจว่าจะซื้ออะไร ซื้อแค่ไหน ไม่ใช่พ่อ และที่น่าสนใจคือแม้แต่สินค้าที่ผลิตมาเพื่อขายผู้ชายโดยเฉพาะ กลับพบว่าผู้หญิงเป็นคนซื้อถึง 50%
นั่นทำให้เห็นว่า SHEconomy คือ สิ่งที่ต้องคำนึงถึง
SHEconomy ไม่ใช่แค่ภาพสะท้อนการมีส่วนร่วมในระบบเศรษฐกิจและแรงงานที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่รวมถึงผลที่ตามมาด้วย จากการที่ผู้หญิงกุมอำนาจการใช้จ่ายในครัวเรือน มีแนมโน้มจบการศึกษาขั้นสูงมากขึ้นและมีบทบาทผู้นำในหลายอุสาหกรรม ซึ่งปัจจัยเหล่านี้คือสิ่งที่ยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และทำให้พวกเธอเหล่านี้กลายเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญสำหรับภาคธุรกิจ
การปฏิวัติการค้าเพื่อเอาใจนักช็อปหญิง
ผลกระทบหนึ่งที่เห็นได้ชัดของ SHEconomy คือการเปลี่ยนแปลงของอุสาหกรรมค้าปลีก จากการที่ผู้หญิงมีอำนาจการใช้จ่ายในครัวเรือน ภาคธุรกิจจึงเบนเข็มกลยุทธ์ทางการตลาดและผลิตภัณฑ์ เพื่อดึงดูดกลุ่มผู้ซื้อที่มีอิทธิพลเหล่านี้ หลากหลายบริษัทลงทุนในการสำรวจมากขึ้น รวมถึงการออกแบบแคมเปญใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ความชอบ ค่านิยม และไลฟ์สไตล์ของผู้หญิงมากขึ้นด้วย
ตัวอย่างเช่น เหล่าผู้ขายสินค้าแฟชั่น ก็ก้าวข้ามการโฆษณาด้วยรูปผู้หญิงแบบเดิม ๆ สู่ความหลากหลายและไม่แบ่งแยก พวกเขากำลังจับเอากำลังซื้อของผู้หญิงในทุกช่วงวัย หุ่นทุกไซส์ และในทุกภูมิหลัง
การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงนำไปสู่การซื้อใจลูกค้าเพื่อสร้าง Brand Loyalty ที่แข็งแรงขึ้น แต่ยังแพร่ขยายความสามารถในตลาดของแบรนด์ที่เปิดรับความหลากหลายนี้ด้วย
อุสาหกรรมเทคโนโลยีเองก็กำลังปรับตัวเข้าหาความต้องการของ SHEconomy ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการมากมายเพื่อรองรับความต้องการและความชอบของผู้บริโภคหญิง จากแอปนับก้าวนับแคลก็เพิ่มเติมฟังก์ชันอย่างการนับรอบประจำเดือน หรือผลิตภัณฑ์และแอปดูแลผิวก็มีที่ออกแบบมาสำหรับสีผิวที่แตกต่างกัน ที่ชัดมาก ๆ
อีกอย่างคือ ในวงการเกมมิงและไอที ก็มีสินค้ายอดนิยมอย่างเมาส์ หรือ คีย์บอร์ด ที่เน้นสีสันที่ผู้หญิงชื่นชอบอย่างสีชมพูมากขึ้น หรือไอเท็มน่ารักอย่างหูฟังรูปหูแมว แสดงให้เห็นว่าธุรกิจเหล่านี้ตระหนักดีว่าการให้ความสำคัญกับลูกค้าผู้หญิงสามารถนำไปสู่นวัตรกรรมและความก้าวหน้าได้
บทบาทผู้นำกับการไม่แบ่งแยก ทลาย “เพดานกระจก” ที่คอยขวางกัน
มากกว่าการบริโภคที่เปลี่ยนไป SHEconomy เป็นการปฏิรูปองค์กรต่าง ๆ จากภายใน รายงานการศึกษาของ EIU ชี้ว่าผู้หญิงเองก็กำลังครองบทบาทของผู้นำมากขึ้นในภาคธุรกิจทั่วโลก บริษัทต่าง ๆ เห็นถึงประโยชน์ของความหลากหลายทางเพศในเรื่องของบทบาทผู้นำ อย่างการพัฒนาการตัดสินใจ เพิ่มความสร้างสรรค์ และการเงินที่ดีขึ้นด้วย
ความพยายามในการทลายเพดานกระจก หรืออุปสรรคที่มองไม่เห็น ขวางกั้นความก้าวหน้าของผู้หญิง ได้เกิดผลเป็นนโยบายและข้อปฏิบัติมากมายที่ส่งเสริมความเท่าเทียมในที่ทำงาน หลายธุรกิจเริ่มมีการจัดอบรม การเลื่อนตำแหน่งให้พนักงานหญิง รวมถึงแก้ปัญหาค่าตอบแทนที่ต่างกันระหว่างหญิงชาย การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่เพียงแต่สนับสนุนผู้หญิงเท่านั้นแต่ยังทำให้ธุรกิจอยู่ในตำแหน่งที่สามารถมุ่งสู่ความสำเร็จระยะยาวในการพัฒนาองค์กรอยู่ตลอดเวลา
ผู้ประกอบการใน SHEconomy
เศรษฐกิจพลังหญิงไม่ได้ทรงอิทธิพลต่อการสร้างธุรกิจ แต่ยังช่วยให้เกิดกระแสของการมีผู้ประกอบการหญิง มีอัตราที่เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นของธุรกิจ Startup ที่มีผู้หญิงเป็นเจ้าของ ด้วยความมุ่งมั่นต้องการสร้างนวัตรกรรมเพื่อแก้ปัญหาและตอบโจทย์ความต้องการของผู้หญิง สถิติในสหรัฐอเมริกาพบว่าในปี 2564 สตาร์ตอัปครึ่งหนึ่งก่อตั้งโดยผู้หญิง และสถิติจาก Statista ในปี 2562 พบว่า 1 ใน 5 ของสตาร์ตอัปทั่วโลกก่อตั้งโดยผู้หญิง
ที่น่าประทับใจคือในปี 2564 Crunchbase พบว่าจาก 124 ธุรกิจสตาร์ตอัปที่เป็น Unicorn หรือมีมูลค่าเกิน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป มี 19 ธุรกิจที่มีผู้หญิงร่วมก่อนตั้ง และ 7 จากในนั้นมี CEO เป็นผู้หญิง และมีอีก 83 ธุรกิจที่เพิ่มเข้าไปในภายหลังก็มีผู้ร่วมก่อตั้งหญิงด้วยเช่นเดียวกัน
ขณะเดียวกันการลงทุนที่เพิ่มขึ้นของกองทุนรวมที่มุ่งเน้นไปที่ผู้หญิงและการลงทุนจากนักลงทุนที่มีศักยภาพสูง ก็จะช่วยผลักดันผู้ประกอบการหญิงเหล่านี้ด้วยเช่นกัน
นักลงทุนเหล่านี้เข้าใจดีถึงศักยภาพที่ยังไม่ปลดล็อกในธุรกิจของผู้หญิง และยินดีมอบเงินทุนและการสนับสนุน EIU ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาระบบนิเวศน์นี้ไว้เพื่อเติมเต็มศักยภาพของ SHEconomy ให้ได้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ยังมีทั้งความท้าทายและโอกาส
อย่างแรกคือการก้าวข้ามอคติทางเพศที่หยั่งรากลึกมาช้านาน ภาคธุรกิจและแรงงานเองต้องพยายามอย่างหนักเพื่อทำลายการเหมารวม Stereotypes แบบเดิม ๆ และอคติที่มองไม่เห็น เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปราศจากการแบ่งแยก
ความท้าทายอีกอย่างคือการสร้างความมั่นใจในการเข้าถึงโอกาสที่เท่าเทียมสำหรับทุกเพศและคนจากทุกภูมิหลังที่แตกต่างกัน
EIU ได้เน้นที่ความสำคัญของนโยบายต่าง ๆ และความคิดริเริ่มในการจัดการกับปัญหาด้านการศึกษา การเข้าถึงเงินทุน และการได้รับคำปรึกษา ด้วยการปรับผิวสนามการแข่งขันด้านโอกาสให้ราบเรียบ เชื่อว่าภาคธุรกิจเองจะสามารถเข้าถึงบุคลากรที่มีความสามารถและกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้นได้มหาศาล
ทั้งนี้ โอกาสสำคัญคือ SHEconomy เองก็ไม่ได้ถูกจำกัดไว้แค่ในประเทศผู้นำโลกอย่างอเมริกา แต่มันคือปรากฏการณ์ทั่วโลก ธุรกิจที่ปรับตัวได้รับความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจนี้ได้จะสามารถอยู่รอดได้ดีกว่าในโลกที่เชื่อมเข้าหากัน เรื่องสำคัญคือต้องเข้าใจ ความแตกต่างของวัฒนธรรมด้วย ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงถึงในการเลือกใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างในตลาดที่ไม่เหมือนกันของแต่ละภูมิภาค
โดยสรุปแล้ว SHEconomy เป็นมากกว่ากระแสที่เกิดขึ้นและดับไป แต่มันคือพลังการเปลี่ยนแปลงที่ปฏิรูปธุรกิจเศรษฐกิจทั่วโลก ธุรกิจที่เห็นความสำคัญของผู้หญิงในทุกบทบาท ทั้งผู้บริโภค ผู้นำ และผู้ประกอบการ จะสามารถประสบความสำเร็จในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันได้ และแม้จะมีความท้าทายที่ยิ่งใหญ่อย่างอคติทางเพศและโอกาสที่ไม่เท่าเทียม หากธุรกิจที่ตอบโจทย์นี้ได้จะสร้างมากกว่าแค่ความสำเร็จ แต่รวมถึงเศรษฐกิจที่เท่าเทียมและไม่แบ่งแยกในระดับโลก อนาคตจะเป็นของคนที่โอบรับความเปลี่ยนแปลงและรู้จักใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุด