หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของสหรัฐฯได้ทำการประกาศงบการเงินสิ้นสุดไตรมาสสุดท้ายของปี 2022 กันจนครบแล้ว
นายณพวีร์ พุกกะมาน นักลงทุนและผู้ก่อตั้ง Creative Investment Space (CIS)สถาบันให้ความรู้ด้านนวัตกรรมการลงทุนรูปแบบใหม่ ให้ข้อสังเกตว่า งบบางตัวออกมาได้ดีกว่าคาด แต่บางตัวทำได้แย่กว่าคาด ขณะที่บางตัว มีการประกาศกลยุทธ์ธุรกิจใหม่ ทำให้มีแรงซื้อเข้ามาอย่างหนาแน่น เราไปดูกันว่าหุ้นแต่ละตัวมีสตอรี่อะไรเกิดขึ้นบ้าง
APPLE
ผลประกอบการของ APPLE ไตรมาสแรก 2023 ออกมาพลาดเป้าโดยรายได้รวมลดลง 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้จากไอโฟนลดลง 8.17%
จากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าและผลกระทบจากการปิดโรงงานผลิตที่ประเทศจีนทำให้ไม่สามารถผลิต iPhone14 Pro และ iPhone14 ProMax ได้ตามเป้าและเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ที่น่าสนใจคือรายได้รวมที่ลดลงรายไตรมาสนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี2019
META
รายได้รวมในไตรมาสที่สี่ของ Meta ออกมาที่ 32,170 ล้านดอลลาร์ มากกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 31,530 ล้านดอลลาร์ จำนวนผู้ใช้งานแอคทีพรายวัน (DAUs) อยู่ที่ 2,000 ล้านราย มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 1,990 ล้านราย รายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้งาน (ARPU) อยู่ที่ 10.86 ดอลลาร์ต่อราย มากกว่าที่คาดไว้ที่ 10.63 ดอลลาร์ต่อราย
ไฮไลท์สำคัญคือการอนุมัติแผนการซื้อหุ้นคืนอีกมูลค่า 40,000 ล้านดอลลาร์ หลังจากปีที่แล้วใช้เงินซื้อหุ้นคืนไป 27,900 ล้านดอลลาร์ โดยซีอีโอ Mark Zuckerberg ประกาศให้ปีนี้เป็นปีแห่งการสร้างประสิทธิภาพหรือ “Year of Efficiency” หลังจากปลายที่แล้วมีการปรับลดพนักงานไปกว่า 11,000 ราย ล่าสุดประกาศเก็บค่าบริการรายเดือนสำหรับผู้ใช้งาน Facebook และ Instagram
NETFLIX
ไตรมาสที่สี่ Netflix มีจำนวนผู้สมัครเพิ่มขึ้นกว่า 7.7 ล้านราย มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ถึง 3.2 ล้านรายอย่างไรก็ตามรายได้รวมเติบโตเพียง 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 0.12 ดอลลาร์ พลาดเป้าไปจากที่คาดการณ์ถึง 0.38 ดอลลาร์ ส่วน Operating Margin ทำได้ที่ 7%
บริษัทฯคาดว่ารายได้ไตรมาสแรกของปีนี้น่าจะเติบโตได้ 4% โดยไตรมาสแรกนี้จะปิดการแชร์แอคเคานท์ลงโดยหวังว่าจะได้รายได้เพิ่มจากคนที่ก่อนหน้านี้มีการแชร์พาสเวิร์ดการเข้าชมกับคนนอกบ้าน ขณะที่ Reed Hastings ผู้ก่อตั้ง Netflix ประกาศลาออกจากการเป็นซีอีโอแต่ยังนั่งตำแหน่งประธานบริษัทฯ
ALPHABET
Alphabet รายงานรายได้และกำไรต่อหุ้นพลาดเป้า จากรายได้โฆษณาของ Youtube ลดลง 8% โดยได้ผลกระทบจากคู่แข่งใหม่อย่าง Tiktok โดยตอนนี้ Youtube Short มียอดวิว 50,000 ล้านวิวต่อวัน ส่วนรายได้โฆษณาอื่นลดลง 2% จากการใช้จ่ายโฆษณาที่ลดลง ขณะที่รายได้จาก Google Cloud แม้จะเพิ่มขึ้นแต่ต่ำกว่าคาด
ล่าสุดได้ประกาศเปิดตัวฟีเจอร์เอไอในชื่อ Bard เพื่อที่จะมาแข่งขันกับ ChatGPTของ Microsoft แต่เปิดตัวในช่วงแรกได้น่าผิดหวังจนทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างหนัก
MICROSOFT
Microsoft ประกาศผลประกอบการไตรมาสสองของปี 2022 สิ้นสุดธันวาคมที่ผ่านมา รายได้รวมเติบโต 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรต่อหุ้น 2.32 ดอลลาร์ สูงกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อย 2.30 ดอลลาร์ โดย Gross Margin รวมอยู่ที่ 67% และOperating Margin 39% ธุรกิจคลาวด์ของ Azure เติบโตสูงสุด 22% ขณะที่รายได้จากธุรกิจดั้งเดิมอย่างเช่นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและซอฟท์แวร์ปฎิบัติการรวินโดวส์ลดลง 19%
ไฮไลท์สำคัญคือการเปิดตัว ChatGPT ที่นำมาใส่ในโปรดักต์เดิมของบริษัทฯอย่างBing และ Edge ทำให้มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้น Microsoft อย่างต่อเนื่องจากความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีใหม่นี้
TESLA
Tesla แถลงผลประกอบการออกมาดีกว่าคาด โดยกำไรต่อหุ้นออกมาที่ 1.19 ดอลลาร์ต่อหุ้น สูงกว่าที่คาดไว้ที่ 1.13 ดอลลาร์ต่อหุ้น รายได้รวม 24,320 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่คาดไว้ 24,160 ล้านดอลลาร์ รวมแล้วทั้งปี 2022 มีกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 2.52 ดอลลาร์ต่อหุ้น
เฉพาะรายได้จากธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ในไตรมาสสี่เติบโต 33% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม Gross Margin อยู่ที่ 25.9% เป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 ไตรมาส
Tesla ยังระบุด้วยว่าราคาจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มที่จะลดลงอีกเป็นเวลาหลายปี แต่บริษัทให้ความสำคัญกับความสามารถที่ลูกค้าจะหาซื้อได้ซึ่งจำเป็นสำหรับบริษัทที่จะเติบโตในระดับที่ขายรถยนต์ได้หลายล้านคันต่อปี หลังก่อนหน้านี้มีการลดราคาขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกสร้างความไม่พอใจให้กับลูกค้าที่ซื้อไปก่อนหน้านี้
ในแง่ของราคาหุ้น TESLA และ META สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงสุดในกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่หลังหุ้นสองตัวนี้สร้างผลตอบแทนได้แย่ในปีที่ผ่านมาส่วน ALPHABET ราคาหุ้นตกลงมามากที่สุดจากความผิดหวังในการเปิดตัวเอไอโดยรวมแล้วผลประกอบการที่ออกมาของหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่พอใช้ได้ ไม่ได้โดดเด่นมากและก็ไม่ได้ย่ำแย่มาก
โดยหุ้นที่น่าจับตาเป็นพิเศษคือ META ที่ปรับกลยุทธ์หันมาเน้นสร้างผลกำไรมากขึ้น รวมถึง NETFLIX ที่มีการปรับนโยบายในส่วนของการสมัครสมาชิก ซึ่งมีโอกาสที่จะช่วยเพิ่มรายได้ใหม่เข้ามาในอนาคต ขณะที่หุ้น MICROSOFT ที่ปรับตัวขึ้นจากกระแสเอไอและ TESLA ที่ฟื้นขึ้นจากการไล่ราคาที่ลงมาต่ำมาก อาจจะต้องจับตาผลกระทบจากการลดราคาขายรถยนต์ไฟฟ้าไปก่อนว่าจะกระทบต่อกำไรมากน้อยเพียงใด ส่วน APPLE งบการเงินออกมาไม่หวือหวามากนัก ยังสามารถถือลงทุนยาวได้