CTD - Connect the Dots
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Reading: ตีโจทย์การลงทุนปีหน้าวางกลยุทธ์เอาชนะ “เงินเฟ้อ”
Share
CTD - Connect the Dots
Aa
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
  • Contact
Search
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Follow US
Copyright © 2020 Creative Investment Space – All Rights Reserved
CTD - Connect the Dots > Blog > Investment (Closed) > กูรูลงทุน > เปโดร พุกกะมาน > ตีโจทย์การลงทุนปีหน้าวางกลยุทธ์เอาชนะ “เงินเฟ้อ”
เปโดร พุกกะมาน

ตีโจทย์การลงทุนปีหน้าวางกลยุทธ์เอาชนะ “เงินเฟ้อ”

connectthedots admin
Last updated: 2022/12/10 at 3:37 PM
connectthedots admin Published December 13, 2021
Share

แนะตลาดหุ้นต่างประเทศ “จีน-เวียดนาม” สินทรัพย์ทางเลือก มาแรง

นักลงทุนรุ่นใหม่ จัดพอร์ตการลงทุนปี 2565 มองตลาดหุ้น “จีน” ฟื้นตัวกลับ ลงทุนระยะยาว 2-3 ปีได้ แนะจับตาตลาดในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ “เวียดนาม” ได้รับปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจทั่วโลกผ่านจุดต่ำสุด และมูลค่าสินทรัพย์ในตลาดยังอยู่ในระดับที่ต่ำ ส่วนสินทรัพย์ทางเลือก “คริปโต” ตลาดผันผวนแต่ยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อได้ หากหมดความกังวลเรื่องโควิดยังมีโอกาสลงทุนในหลายตลาด 

นายณพวีร์ พุกกะมาน นักลงทุนและผู้ก่อตั้ง Creative Investment Space (CIS) สถาบันให้ความรู้ด้านนวัตกรรมการลงทุนรูปแบบใหม่ เปิดเผยมุมมองการลงทุนในปี 2565 เป็นปีที่ดีสำหรับการลงทุน นักลงทุนต้องมองหาสินทรัพย์ที่จะช่วยให้สามารถเอาชนะเงินเฟ้อระดับสูงได้ โดยวิเคราะห์ในแง่ของการประเมินมูลค่า (Valuation) สินทรัพย์ที่น่าสนใจในปี 2565 คือ ตลาดหุ้นจีน ทั้งดัชนี Shanghai Composite และ Hang Seng ภายใต้เงื่อนไขว่ารัฐบาลจีนจะต้องเริ่มผ่อนคลายกฎระเบียบต่าง ๆ ลง รวมถึงกระแสของสงครามการค้าและ Tech War ระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ และจีน จะไม่รุนแรงมากนัก เพราะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของจีน ปรับตัวลงมาค่อนข้างมากจนหลายตัวมีมูลค่าหุ้นที่น่าสนใจมากในระยะยาว โดยสามารถมองการลงทุนในตลาดหุ้นจีนในระยะ 2-3 ปีข้างหน้าได้ 

ขณะที่ตลาดหุ้นเกิดใหม่ที่น่าสนใจ คือ ตลาดหุ้นเวียดนาม ที่แม้ว่าจะปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากในปีนี้ แต่ในระยะยาวมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี อีกทั้งค่า P/E ก็ไม่ได้สูงมากนัก โดยปัจจัยที่ต้องจับตา คือ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดจะจบลงได้เร็วหรือไม่ เช่นเดียวกับตลาดหุ้นไทย หากสถานการณ์การเมืองไม่มีความรุนแรง และการเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ รวมถึงกระแสการควบรวมกิจการและลงทุนธุรกิจใหม่ ๆ น่าจะเป็นแรงดึงดูดให้ตลาดหุ้นไทยเป็นที่สนใจของต่างชาติได้ หากนักลงทุนเข้าลงทุนในจังหวะที่ระดับฐานราคาต่ำ จึงเป็นโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนการลงทุนในระดับสูง

สำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ยังมีประเด็นที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FED น่าจะเร่งการถอนวงเงินคิวอี ให้จบเร็วขึ้น และมีความชัดเจนในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อที่จะเอาชนะกับเงินเฟ้อ ซึ่งจะส่งผลลบต่อหุ้นเติบโต อย่างเช่น หุ้นเทคโนโลยี ที่ปรับตัวขึ้นแรงในช่วงที่เกิดปัญหาโควิด-19 ส่วน “ทองคำ” แม้อาจจะถูกมองว่าเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่น่าจะเอาชนะเงินเฟ้อระดับสูงได้ แต่อดีตที่ผ่านมาหลังการถอนมาตรการคิวอีจะมีผลต่อค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นและกดดันราคาทองคำให้เป็นขาลงอย่างต่อเนื่องหลายปี

“โจทย์การลงทุนในปี 2565 ที่ท้าทายสำหรับนักลงทุน คือ การสร้างผลตอบแทนให้สามารถชนะเงินเฟ้อได้ หากอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกไม่สามารถปรับตัวลดลงได้ ซึ่งมองสินทรัพย์การลงทุนทั่วโลก ทั้งหุ้นเทคโนโลยี ทองคำ และสินทรัพย์ทางเลือกอย่างบิทคอยน์ มองว่าสินทรัพย์เหล่านี้จะสามารถสร้างผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อในระดับสูงได้ ส่วนสินค้าโภคภัณฑ์ ยังมีความเสี่ยงที่ราคาจะปรับฐานลงจากปีนี้ที่ปรับตัวขึ้นมาในระดับสูงแล้ว”

สำหรับปัจจัยเสี่ยง อื่น ๆ ที่ต้องจับตามอง คือ การเมืองระหว่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯ และจีน รวมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะมีการกลายพันธุ์ใหม่ที่รักษาได้ยากกว่าเดิม ซึ่งมองว่าหากไม่มีการแพร่ระบาดของโควิด สายพันธุ์ใหม่จะทำให้เศรษฐกิจโลกถึงจุดต่ำสุดในปี 2564 นี้แล้ว

นายณพวีร์ กล่าวสรุปภาพรวมการลงทุนและผลตอบแทนของสินทรัพย์การลงทุนประเภทต่าง ๆ ทั่วโลกในปี 2564 ว่า ยังคงเป็นปีที่ดีของการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก และสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทต่าง ๆ ยกเว้น ทองคำ หากคำนวณจากอัตราผลตอบแทน หรือ YTD ตั้งแต่ต้นปี จนถึงปัจจุบัน (13 ธันวาคม) พบว่า น้ำมันดิบ WTI สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงสุดที่ 48.29% ถัดมาคือตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ได้แก่ ดัชนี S&P 500 และดัชนี NASDAQ มีผลตอบแทนที่ 25.45% และ 21.28% ตามลำดับ ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นยุโรป STOXX 50 สร้างผลตอบแทนที่ 18.5% และตลาดหุ้นไทย SET Index อยู่ที่ 11.65% ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกง Hang Seng มีผลตอบแทนติดลบที่ 11.8% และทองคำ มีผลตอบแทนติดลบที่ 6.8% 

“สาเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลก และสินทรัพย์การลงทุนต่าง ๆ สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีนั้น ส่วนหนึ่งมีผลมาจากฐานคำนวณที่ต่ำในปี 2563 ซึ่งเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และในปีนี้ทุกประเทศมีการเปิดเมืองทำให้เศรษฐกิจเริ่มกลับมา ดังนั้น การลงทุนในปี 2565 จะมีฐานการคำนวณผลตอบแทนจะสูงขึ้น จึงต้องระมัดระวังหากสินทรัพย์ใดไม่สามารถรักษาอัตราการเติบโตไว้ได้ จะทำให้ผลตอบแทนการลงทุนอาจลดลงจากปีนี้ นอกจากนั้นยังมีโจทย์ที่ท้าทาย คือ อัตราเงินเฟ้อในปีนี้ที่สูงขึ้นจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น ซึ่งเป็นตัวนำทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้นตาม ส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ พุ่งขึ้น ล่าสุด แตะระดับ 6.8% ในเดือนพฤศจิกายน ถือเป็นการเพิ่มขึ้นที่มากที่สุดในรอบ 40 ปี” 

ทั้งนี้ สินทรัพย์ทางเลือกในต่างประเทศต่างก็สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีมากเช่นกัน โดยเฉพาะตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ได้แก่ ดัชนีตลาดหุ้นเวียดนาม ปรับตัวขึ้นกว่า 40% ตลาดหุ้นอินเดียที่ 25% ส่วนสินทรัพย์ดิจิทัล “บิทคอยน์” สามารถสร้างผลตอบแทนสูงถึง 80% และอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนได้ดี คือ สินค้าโภคภัณฑ์กลุ่มสินทรัพย์ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับสกุลเงิน ได้แก่ แร่เงินและแพลตินั่ม รวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทพลังงาน สินค้าการเกษตรและวัตถุดิบต่าง ๆ โดยได้รับผลบวกจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นผลักดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ให้ปรับตัวขึ้นในระดับเลขสองหลักทั้งหมด

You Might Also Like

“เอกา โกลบอล” ประเมินธุรกิจบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร รับมือนโยบาย ‘ทรัมป์’

Bitcoin ช่วยป้องกันเงินเฟ้อได้ดี ท่ามกลางการจัดระเบียบโลก

นโยบายประชานิยม กับดักความจน ตัวการพังเศรษฐกิจไทย?

TISA แนวคิดใหม่ของตลาดหลักทรัพย์ฯ “ซื้อหุ้น ได้ลดหย่อนภาษี” หวังช่วยหนุนตลาดหุ้นไทย

TAGGED: การลงทุน, จีน, ตลาดหุ้น, ลงทุน, เงินเฟ้อ, เวียดนาม, เศรษฐกิจ, เศรษฐกิจโลก

Sign Up For Daily Newsletter

Be keep up! Get the latest breaking news delivered straight to your inbox.
By signing up, you agree to our Terms of Use and acknowledge the data practices in our Privacy Policy. You may unsubscribe at any time.
connectthedots admin December 13, 2021
Share this Article
Facebook Twitter Email Copy Link Print
Previous Article ใกล้คลอดหนังสือคู่มือนักลงทุนยุคดิจิทัล “วิธีลงทุนในโลกยุคใหม่”
Next Article ใกล้คลอดหนังสือคู่มือนักลงทุนยุคดิจิทัล “วิธีลงทุนในโลกยุคใหม่”
CTD - Connect the Dots

Connect The dots ชุมชนสำหรับผู้ที่ชอบค้นหาโอกาสใหม่ พัฒนาตัวเองตลอดเวลา และเชื่อในโอกาสใหม่ๆ พื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ ไม่ว่าจะเป็นโลกธุรกิจ การลงทุน เทรนด์กระแส หรือ แม้กระทั่ง การเงินส่วนบุคคล ร่วมลากเส้น ต่อจุด เพื่อทุกความเป็นไปได้ไปกับเรา เพียงคุณเริ่มต้นที่จุดแรกไปกับเรา

Facebook Youtube Tiktok Spotify

แผนผังเว็บไซต์

Home
Business
People
News
Contact
Opinion
Investment
CIS
Sustainable
About Us

Copyright © 2024 Connect the Dots – All Rights Reserved

ข้อตกลงและเงื่อนไข

คำเตือนความเสี่ยงฉบับเต็ม

Removed from reading list

Undo
Welcome Back!

Sign in to your account

Lost your password?