สรุปมุมมองของเศรษฐกิจโลกในปี 2022
- เศรษฐกิจโลกยังขยายตัวได้แต่ชะลอตัวลง
- การกระจายการลงทุน (Asset Allocation) การคัดเลือกหุ้นและ theme การลงทุน (Stock & Sector Selection) การเข้าซื้อในจังหวะตลาดหุ้นพักฐาน ไม่ไล่ราคา (Buy on Dip) คือกุญแจสำคัญในการหาผลตอบแทนที่มากกว่าดัชนี
- ผลตอบแทนของตลาดหุ้นจะกลับมาสู่ใน (normalized mode) และน้อยลงกว่าปีก่อนหน้า แต่ยังให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าสินทรัพย์อื่น ในลักษณะ single digit ในขณะที่ความผันผวนสูงขึ้น หุ้นที่มีมูลค่าสูงและแนวโน้มกำไรต่ำจะมีความเปราะบางต่อแรงขายที่สูงขึ้นในช่วงที่ตลาดกลัว (risk off)
- บริษัทจดทะเบียนที่มีผลประกอบการแข็งแกร่ง ยังสามารถเติบโตได้
- การเร่งขึ้นดอกเบี้ยมากเกินคาด และการปรับใช้นโยบายการเงินที่ผิดพลาดจะเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักต่อตลาด
- การแพร่ระบาดและการกลายพันธ์ของเชื้อไวรัสยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่คอยกดการฟื้นตัว แต่อย่างไรก็ตามอัตราการฉีดวัคซีนทีดีขึ้นต่อเนื่องและการพัฒนายาต้านใหม่จะทำให้ความกังวลด้านนี้น้อยลง
- ปัญหาการขาดสินค้าและพลังงาน ( Supply Chain Disruption) ส่งผลให้ระดับราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเงินเฟ้อให้ยาวนานขึ้นยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม อย่างไรก็ตามคาดว่าในช่วงครึงงปีหลัง 2022 จะเห็นภาพที่ดีขึ้น
กลยุทธ์และการลงทุนในน้ำหนักแต่ล่ะสินทรัพย์
• Asset Allocation Overview
ปีหน้า Goldman Sach ประเมิณ GDP ของแต่ประเทศเศรษฐกิจหลักของโลก มีการเติบโตแบบชะลอตัวชัดเจน ประมาณ 1% US จาก 5.5 เหลือ 3.9 จีนจาก 7.8 เหลือ 4.8 จากการเข้มงวดของทางการรัฐบาล ที่ต้องการดำเนินนโยบายที่เรียกว่า Common prosperity เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในประเทศ เพื่อการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ แต่อย่างไรก็ตามยังมีบางประเทศ เช่น เยอรมันนี ทาง GS นั้นประเมินว่า ยังมีการขยายตัวของเศรษฐกิจอยู่ รวมไปถึง ญี่ปุ่น ที่ยังสามารถโตได้จากปัจจัย หากไวรัสนั้นมีการควบคุมได้ดี และสามารถเปิดประเทศ ได้
อินเดียก็เป็นอีกประเทศนึงที่สามารถเติบโตจากการบริโภคภายในประเทศได้เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นในตลาด BSE SENSEX ในช่วงปีที่ผ่านมา ก็ปรับตัวขึ้นมากกว่าเท่าตัวในหลาย sector โดยเฉพาะกลุ่มการเงิน เรายังมีมุมมองที่เป็นเชิงบวก หากตลาดเกิดใหม่ เช่น จีน ญี่ปุ่น และ อินเดีย มีการปรับฐานรอบนี้ อาจจะเป็นจังหวะในการเข้าซื้อเพื่อรับมาตรการการณ์กระตุ้นระยะสั้นในปีหน้า
• ทาง Blackrock เป็น บริษัทจัดการกองทุนชั้นนำของโลก มีมุมมองว่า เป็นการฟื้นตัวที่แตกต่างจากเดิม
กราฟทางดานซ้าย เป็นมุมมองของ Blackrock มองว่าการฟื้นตัวรอบ เป็นการฟื้นที่ค่อนข้างจะแตกต่างไปจากทุกๆ ครั้ง เพราะปกติการฟื้นในวิกฤติทุกๆ ครั้ง ผลตอบแทนพันธบัตรกับราคาหุ้น และเงินเฟ้อ จะไปในทิศทางที่สอดคล้องกัน แต่การฟื้นตัวจากโรคระบาด ทำให้ การฟื้นฟูและฟื้นตัวของเศรษฐกิจใน แต่กลุ่มนั้นมีความฟื้นตัวในอัตราแร่งที่ไม่เหมือนกัน และ Blackrock ยังมองเห็นอีกว่า ในกราฟด้านขวา ที่เห็นว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เริ่มเห็นชัดให้หลายๆ ประเทศ แต่อัตราเงินเฟ้อก็ยังอยู่ในระดับสูงมากกว่าการฟื้นตัว ก็อาจจะเป็นผลพวงจากการเกิด supply disruption ในหลายอุตสาหกรรม ทำให้ Blackrock ยังมีความกังวลว่า ตลาดอาจจะมี ความผันผวนใน ปี 2022 มากขึ้น
น้ำหนักในการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ
- ในปี 2022 หุ้นยังมีความน่าสนใจมากกว่าในส่วนของตราสารหนี้
- ให้น้ำหนักการลงทุนในตลาด US และ DM สัดส่วนที่เท่ากัน ( US แพง)
- Valuation ในส่วนของ EM น่าสนใจมากกว่า DM จึงเพิ่มน้ำหนักในส่วนของกองตราสารทุน
- เอเชียยัง ชอบญี่ปุ่น และ เวียดนาม มากกว่าจีน ที่ยังมี Regulatory Risk อยู่แต่อย่างไรก็ตาม เรายังให้น้ำหนักการลงทุนในจีน เป็น Neutral Weight
- ในกลุ่มของ Value และ Growth ยังให้น้ำหนักเท่ากัน แต่ต้องเลือกสัดส่วนตามภูมิภาค
- เราเลือก Cyclical ที่ล้อไปตามการฟื้นตัวแบบ Normalized Growth มากขึ้นจากการที่ธนาคารกลางทั่วโลก เริ่มลดวงเงินอัดฉีดสภาพล่องในปีหน้า
- ในส่วนของตราสารหนี้เริ่มเพิ่มน้ำหนัก ส่วนของตราสารหนี้ที่มี Duration ยาวมากขึ้น จากการเพิ่มขึ้นของ Bond Yield 10 ปีขึ้นไป มีการเริ่มปรับตัวมากกว่าระยะสั้น ส่งผลให้ผลตอบแทนของตราสารหนี้ระยะยาวน่าดึงดูดในแง่ของ Yield
- Search For Yield ในครึ่งปีหลัง Asset ที่ล้อไปกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เราเลือกให้ น้ำหนักของ REIT / Infra ที่ให้ผลตอบแทนทั้งในของของเงินปันผล และยังสามารถหา capital gain ได้ ในสัดส่วนของบริษัทที่มีการเติบโตเน้น Green Infrastructure , Clean Energy + Policy Support
- พลังงาน เป็น Tactical Call ราคาน้ำมันที่ยังทรงตัวและ supply ที่กำลังจะออกมาสู่ตลาด หากมีการคลายความกังวล และควบคุมการแพร่ระบาด ยังมองว่าน้ำมันเป็น Hard Commodity Upside > Gold
ตราสารทุน (Equity)
จาการสอบถามผู้จัดการกองทุนทั่วโลกยัง ให้ความเห็นไปในทางเดียวกัน คือ ตลาดหุ้นของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ โดยเฉพาะเอเชีย ยังมีอัตราการเติบโตที่ดีอยู่ในปี 2022 และระดับราคาหรือการประเมิณมูลค่าของราคาหุ้นนั้น ยังถูกกว่าเทียบกับ ตลาด S&P500 ของสหรัฐ ซึ่งสอดคล้องกับการประมาณการเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียของ JP. Morgan ให้มุมมองว่าการเติบโตของเศรษฐกิจในเอเชีย อีก 10 ปีข้างหน้าต่อจากนี้ ประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ที่สุดจะเป็น จีน อินเดีย ที่เปลี่ยนจาก ประชากรที่มีรายได้ต่ำ มาเป็น ประชากรที่มีรายได้ชนชั้นกลาง และ มีสัดส่วนของการใช้จ่ายมากกว่ากลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วเช่น สหรัฐ ยุโรป และ ญี่ปุ่น ที่จะเข้าสู่สังคมสูงอายุโดยสมบุรณ์ ซึ่งจะทำให้ผลผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ มีการชะลอตัว และลดลงอย่างมีนัยสำคัญในอนาคตต่อจากนี้
น้ำหนักการลงทุนในหุ้นตามกลุ่มอุตสาหกรรม
- น้ำหนักในกลุ่ม Tech + Communication service (5G+6G) ยังให้เป็น Neutral และ เน้นไปทางหุ้นขนาดใหญ่ที่ยังสามารถเติบโตไปกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
- ลดสัดส่วน Pure Tech เช่น Hyper Growth Tech เป็น Underweight ชอบ Cyclical
- Overweight : Clean Tech + Semiconductor ได้รับผลประโยชน์จาก Energy Transit และ Highly Demand จากความต้องการใช้ใน smart device ทั่วโลก
- ปัจจัย 4 เริ่มเป็นสิ่งที่จำเป็น และราคามีราคาสูงมากขึ้นหลังจากการฟื้นตัวของเศษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ( Cyclical)
- กลุ่มธนาคารพานิชย์ ได้ Benefit จากดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
- พลังงานเป็น tactical call ในภาวะที่เศษฐกิจกำลงฟืนตัว ( Oil+ Reopening)
ตราสารหนี้
- Yield Asset Class เรามีมองมุมที่ยังให้น้ำหนักน้อยกว่าในส่วนของกองทุนหุ้น
- เราให้ลดสัดส่วนของ High Yield ลง ของกลุ่ม Developing Market มองว่า การเร่งตัวของ งินเฟ้อทำให้กลุ่ม High Yield มีความเสี่ยงมากขึ้น และต้นทุนการออกตราสารหนี้มีต้นทุนที่สูงในให้รูปของดอกเบี้ย เมื่อเทียบกับผลตอบของพันธะบัตร ( Gap น้อยลง)
- กลุ่มตราสารหนี้ของ Emerging Market ยังมี spread กว้างกว่ากลุ่ม Developing Market และยังให้น้ำหนักมากกว่า เช่น Asia Bond
Global Dividend Yield เป็นตัวเลือกสำหรับการลดความผันผวนในปีหน้า
สินทรัพย์ในรูปแบบของ Yield เรามองว่า REIT และ กลุ่มของ Dividend Stock จะกลับมามีความน่าสนใจมากขึ้นในครึ่งปีหลัง หลังจากเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชัดเจนขึ้น ยังคงน้ำหนักในส่วนของ APAC REIT ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าใน REIT กลุ่มของ Developing Market
Summary Investment Outlook 2022
(สรุปมุมมองและโอกาสในการลงทุน)
- ทั่วทั้งโลกมีการเร่งฉีดวัคซีน และบริษัทผู้ผลิตยาสามารถผลิตวัคซีน และยาต้านไวรัสได้ ถ้าหากโอไมครอนไม่ได้มีอัตราการเสียชีวิต สูงเหมือน Delta
- ปัญหาคอขวดของสายการผลิตทั้งโลก ( Supply Disruption ) จะคลายตัว เศรษฐกิจจะค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ ในปลายปี 2022
- PMI มีการปรับตัวขึ้นจากคำสั่งซื้อ ที่เริ่มกลับมามีกำลังการผลิตได้อย่างเต็มที่
- FED สามารถดำเนินนโยบายเชิงเข้มงวดได้ เพราะเศรษฐกิจฟื้น และขึ้นดอกเบี้ยตามที่คาดหวังไว้
- กิจกรรมทางเศรษฐกิจ เช่น การเปิดประเทศ เริ่มมีการอนุญาตให้เข้าประเทศต่างๆ ได้ ทำให้มีเงินหมุนเวียนสู่ประเทศคู่ค้ามากขึ้น
- GDP ทั้งโลกจะขยับไปในทิศทางเดียวกัน แต่ยังไม่ใช่ในความเร็วที่เท่ากัน เนื่องจากนโยบายทางการเงินที่แตกตต่างกัน
- เอเชีย จีน ญี่ปุ่น อินเดีย และ เวียดนาม เป็นประเทศที่ยังมีปัจจัยกระตุ้นทางเศรษฐกิจที่ดีอยู่ ทั้งในภาคการส่งออกอุตสาหกรกรม และภาคการท่องเที่ยว
- อาเซียนก็ยังเป็นอีกภูมิภาคนึงที่ยังถือว่า Laggard แต่เนื่องจากขาดปัจจัยสนับสนุนในเชิงนโยบายทางเศรษฐกิจ จึงน่าจะเป็นการฟื้นตัวแบบช้า กว่าภูมิภาคอื่นๆ ถ้าเทียบกับเกาหลีไต้ และไต้หวัน ( North Asia )
- ที่ได้เปรียบในการผลิต semiconductor และ อุตสาหกกรมที่มีความสูงในอนาคต ที่เกียวกับการลดการใช้พลังงานน้ำมัน เช่น Battery Technology
- อุตสาหกกรมการท่องเที่ยว ภาคการบริการและบันเทิง ทั้งภาคพื้นเอเชียและยุโรป จะกลับมาดำเนินงานได้เป็นปกติ แต่อาจจะต้องมีต้นทุนและมาตรารการความปลอดภัยที่สูงขึ้น
- Pure Play Tech (Small to Mid) เราให้ลดน้ำหนัก Inflation Cost Concern
- หุ้นขนาดกลาง และเล็กมีความผันผวนสูง อย่ามีในสัดส่วนที่เยอะเกินไป และควร Selective ให้ดี
- ผลตอบแทนของตลาดหุ้นทั่วโลกแคบลง เป็นปัจจัยให้ตลาดมีความเปราะบางต่อข่าวร้ายมากขึ้น
- มุมมองผลตอบแทนตลาดหุ้นปีโดยรวมปี 2022 ยังเป็นบวกแต่เป็น Single Digit ถ้าอยากได้ผลตอบแทนมากขึ้นต้องรอซื้อตอนย่อ (Buy on Dip)
- 2022-2030 ตลาดหุ้นจะให้ผลตอบแทนต่อปีน้อยลงกว่าค่าเฉลี่ย แต่นักลงทุนมีทางเลือกไม่มาก ก็ต้องลงทุนในหุ้นอยู่
- ครึ่งปีหลัง อาจจะต้องมองเรื่องในการ ทำ Asset Allocation ในฝั่งของ Yield Asset ให้มากขึ้น
ขอให้ทุกท่านมีโชคกับการลงทุน และกระจายความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรองรับความผันผวนในอนาคต
Source : Global Fund Manager Survey as of 16 November 2021
https://www.blackrock.com/corporate/literature/whitepaper/bii-2022-global-outlook.pdf
https://www.cnbc.com/2021/10/25/economists-expect-shipping-problems-to-linger-well-into-2022.html
https://www.blackrock.com/corporate/literature/whitepaper/bii-2022-global-outlook.pdf
https://www.wellington.com/en/insights/equity-outlook-2022-annual-us/