CTD - Connect the Dots
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Reading: สินน้ำใจ รากเหง้าของสินบน มะเร็งร้ายเศรษฐกิจไทย
Share
CTD - Connect the Dots
Aa
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
  • Contact
Search
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Follow US
Copyright © 2020 Creative Investment Space – All Rights Reserved
CTD - Connect the Dots > Blog > Economy > สินน้ำใจ รากเหง้าของสินบน มะเร็งร้ายเศรษฐกิจไทย
Economy

สินน้ำใจ รากเหง้าของสินบน มะเร็งร้ายเศรษฐกิจไทย

CTD admin
Last updated: 2025/06/23 at 5:12 AM
CTD admin Published June 23, 2025
Share

จากประเด็นเงิน 12 ล้านที่ถูกพบข้างถังขยะ คอนโดเมืองทองธานี เมื่อวันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา คนไทยที่ใส่ใจต่อข่าวนี้ล้วนตั้งคำถามไปในทิศทางเดียวกันว่า ใครเป็นเจ้าของเงิน ลืมหรือตั้งใจทิ้ง คำตอบของคำถามทั้งหมดนั้นจะนำมาซึ่งการตรวจสอบย้อนหลังของที่มาเส้นเงิน และปลายทางของเงินจำนวนนั้น

หลังการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเจ้าของเงินคือ นายทวีวัฒน์ เส้งแก้ว ตำแหน่งที่ปรึกษาบอร์ด กสทช. และยังเป็นคณะอนุกรรมการการศึกษาและวิเคราะห์กรณีการควบรวมธุรกิจระหว่าง TRUE และ DTAC

ล่าสุด ตำรวจเปิดเผยเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 ว่า เงินจำนวน 12 ล้านบาทนั้น ถูกทยอยเบิกจากบริษัท 4 แห่ง ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับนายทวีวัฒน์ เส้งแก้ว และเงินถูกโอนมาจากบริษัทอุตสาหกรรมใหญ่ที่ประกอบกิจการผลิตวัสดุก่อสร้าง กิจการปิโตรเคมี โรงงานกำจัดขยะ และบริษัทอุตสาหกรรมนั้นยังมีบทบาทในการผลักดันโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ

เรื่องเงิน 12 ล้าน ไม่ใช่แค่ปริศนาซึ่งฝ่ายที่เกี่ยวต้องแกะรอยหาคำตอบต่อไป แต่ในกรณีของเงินที่ดูไม่มีที่มาที่ไป ถูกซุกซ่อนอยู่ในถุงขนม ไม่ว่าจะเรียกว่า เงินแป๊ะเจี๊ยะ เงินใต้โต๊ะ ส่วย สินน้ำใจ ค่าดำเนินการ ค่าน้ำร้อนน้ำชา เงินทอน ค่าหัวคิว กินตามน้ำ ค่ารับรองและของขวัญ ล้วนแล้วแต่เข้าข่ายการรับสินบนทั้งสิ้น

นอกจากคดีเงินสินบนที่เราได้เห็นตัวเลขอย่างชัดเจนแล้ว ยังมีกรณีการทุจริตคอร์รัปชันจากการปฏิบัติหน้าที่และการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งขัดต่อหลักนิติธรรมรุนแรง และส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตคนไทย ซึ่งองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันได้จัดอันดับไว้ 10 กรณีสำหรับปี 2567 ได้แก่

1. การลดโทษ พักโทษ มอบอภิสิทธิ์ให้นักโทษคดีโกงชาติ จากประเด็นนักโทษชั้น 14 ที่ไม่เคยนอนเรือนจำและนักโทษคดีจำนำข้าว

2. ไฟไหม้รถนำเที่ยวเด็กนักเรียน สูญเสีย 22 ชีวิต ที่ผ่านไปเพียงไม่กี่เดือนก็ไม่มีการพูดถึง และยังไม่มีเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกคนใดรับผิดชอบกับความสูญเสียในครั้งนั้น

3. คดีนายอิทธิพล คุณปลื้ม โดยศาลคอร์รัปชันชี้ว่า “ผิดจริง” แต่ยกฟ้องเพราะคดีขาดอายุความ

4. ฮุบที่รถไฟเขากระโดง สะท้อนการถูกทำลายของหลักนิติธรรมในประเทศ เมื่ออิทธิพลนักการเมืองใหญ่เหนือคำพิพากษาศาลฎีกา และศาลปกครองสูงสุด

5. สัมปทานรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โดยโครงการมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาทนี้ พ่วงด้วยสิทธิ์บริหารรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรลลิงก์ และที่ดินย่านมักกะสัน แม้การประมูลจบไปแล้ว 5 ปี แต่รัฐยังเปิดให้เอกชนเจรจาแก้สัญญาไม่รู้จบ พร้อมเฉือนประโยชน์รัฐเพิ่มเรื่อย ๆ ขัดต่อหลักพื้นฐานการประมูลงานภาครัฐอย่างเป็นธรรม

6. ฮุบป่า รุกที่ ส.ป.ก. หลายแสนไร่ทั่วประเทศ รัฐบาลมีนโยบาย ส.ป.ก. ทองคำ แก้กฎหมายให้ ส.ป.ก.เป็นโฉนดใช้ทำกินได้แทบทุกอย่าง ทั้งซื้อขายสิทธิ์และจำนองธนาคารได้ ขณะนี้ ที่ดิน ส.ป.ก. กว่าร้อยละ 30 อยู่ในมือนายทุน

7. ขุน/ขนย้ายกากแร่แคดเมียม

8. หมูแช่แข็งเถื่อน เป็นการทำลายความมั่นคงทางอาหารของชาติ

9. ปลาหมอคางดำ และ 10. ดิ ไอคอน

ข่าวทุจริตเหล่านี้สามารถสะท้อนปัญหาของสังคมไทยได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรื่องเกิดขึ้นกับหน่วยงานที่ได้ขึ้นชื่อว่ามีหน้าที่ตรวจสอบการทุจริต หรือหน่วยงานกำกับดูแลผลประโยชน์ของรัฐ

แม้โลกจะมีวิวัฒนาการไปไกลแค่ไหนก็ตาม ทว่า ปัญหาการทุจริต คอร์รัปชัน ยังคงเป็นเรื่องที่ยึดโยงกับสังคมไทยแทบทุกยุคทุกสมัย และส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจไทยในหลายมิติ

มีข้อมูลระบุว่า เศรษฐกิจไทยสูญเงินไม่ต่ำกว่าปีละ 300,000 ล้านบาท จากสาเหตุคอร์รัปชัน และในแต่ละปีมีการจ่ายใต้โต๊ะปีละ 7,500 ล้านบาท ในการทุจริตในโรงเรียน ระบบอุปถัมภ์ การฮั้วประมูล การทุจริตในโครงการรัฐวิสาหกิจ

ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ลดความน่าเชื่อถือของไทยต่อนานาประเทศ กระทบเศรษฐกิจทั้งระบบ ตั้งแต่ฐานรากถึงมหภาค

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เคยออกคำแนะนำว่า ปัญหาทุจริต คอร์รัปชัน เป็นปัญหาที่ทุกภาคส่วนต้องเร่งฟื้นฟูโดยเฉพาะในมิติของความน่าเชื่อถือของประเทศ ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อความยั่งยืนของภาคธุรกิจ ระบบเศรษฐกิจ และสังคมไทย

ภาคธุรกิจ ต้องสร้างความร่วมมือในห่วงโซ่ เช่น องค์กรกำกับ คู่ค้า พนักงาน ลูกค้า และนักลงทุน เพื่อยกระดับธรรมาภิบาล จากที่ไม่ได้รับการใส่ใจ เปลี่ยนให้เป็นการยึดถือและปฏิบัติอย่างเข้มข้น

ภาคประชาชน ผู้บริโภค ร่วมสนับสนุน ส่งเสริม และต่อต้านธุรกิจที่ยอมจำนนต่อการทุจริต มีพฤติกรรมสร้างภาพหรือฟอกขาว

ภาคการเมือง ทุกพรรค ทุกฝ่าย ต้องร่วมมือกันผลักดันการจัดการปัญหานี้ ให้เป็นวาระเร่งด่วน แม้องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันจะเคยเสนอต่อภาครัฐให้จัดตั้ง “วอร์รูมต่อต้านคอร์รัปชัน” เพื่อแก้ปัญหานี้ แต่กลับไม่มีความคืบหน้า

นอกจากนี้ องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International หรือ TI) ได้ประกาศคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index: CPI) ประจำปี 2024 จากจำนวน 180 ประเทศทั่วโลก โดยประเทศเดนมาร์ก ครองอันดับ 1 ของโลก ด้วยคะแนนสูงสุด 90 คะแนน ในขณะที่ประเทศไทยได้ 34 คะแนน จัดอยู่ในอันดับที่ 107 ของโลก และอยู่ในอันดับที่ 5 ของกลุ่มประเทศอาเซียน (10 ประเทศ) ซึ่งประเทศสิงคโปร์ได้คะนนสูงสุดคือ 84 คะแนน จัดอยู่ที่อันดับที่ 3 ของโลก

คะแนนดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า ไทยได้คะแนนเพิ่มขึ้น หรือมีการตระหนักรู้และให้ความสำคัญกับปัญหาทุจริตมากขึ้น แต่กระนั้นก็ยังไม่เพียงพอที่จะได้อันดับดีกว่านี้ เนื่องจากยังมีประเด็นเรื่องความไม่โปร่งใสในการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐ ที่สะท้อนถึงปัญหาการบริหารงบประมาณที่ขาดประสิทธิภาพและอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศ

คำถามคือ เมื่อไหร่ไทยจะหลุดพ้นจากความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการทุจริตคอร์รัปชันเช่นนี้ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ภาครัฐจะจริงจัง เข้มงวด และไม่เมินเฉยต่อเรื่องน่าไม่อาย ที่ลดทอนความน่าเชื่อถือของประเทศ ต้องยอมรับว่า ภาครัฐจะเป็นเยี่ยงอย่าง และเป็นแกนนำที่ดีในการที่จะเริ่มต้นต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันในทุกรูปแบบ แน่นอนว่าภาคเอกชน ประชาชนจะต้องมีส่วนร่วมในการต่อสู้กับความไม่ถูกต้องเหล่านี้ด้วยเช่นกัน

You Might Also Like

กัมพูชา ภาระทางเศรษฐกิจก้อนโตที่ไทยต้องแบก

ทางรอดของเอกชนไทย นับถอยหลัง Tariffs ทรัมป์ 2.0

ttb ดึงกูรูด้าน อาหาร-เครื่องดื่ม แชร์โอกาสฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจไทย

CIVIL มุ่งรักษาเสถียรภาพธุรกิจรับมือความผันผวน รุกประมูลงานครึ่งปีหลัง 68 เติม Backlog ทั้งปี 6,000 ลบ.

TAGGED: เงิน 12 ล้าน, เศรษฐกิจ, เศรษฐกิจไทย

Sign Up For Daily Newsletter

Be keep up! Get the latest breaking news delivered straight to your inbox.
By signing up, you agree to our Terms of Use and acknowledge the data practices in our Privacy Policy. You may unsubscribe at any time.
CTD admin June 23, 2025
Share this Article
Facebook Twitter Email Copy Link Print
Previous Article พฤกษา เสิร์ฟอีเวนต์สุดคูล “Healthy Living Market Fest” ขับเคลื่อนไลฟ์สไตล์เพื่อสุขภาพ
Next Article Thai Airways 2.0: From Turning the Page to Defining the Next Chapter
CTD - Connect the Dots

Connect The dots ชุมชนสำหรับผู้ที่ชอบค้นหาโอกาสใหม่ พัฒนาตัวเองตลอดเวลา และเชื่อในโอกาสใหม่ๆ พื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ ไม่ว่าจะเป็นโลกธุรกิจ การลงทุน เทรนด์กระแส หรือ แม้กระทั่ง การเงินส่วนบุคคล ร่วมลากเส้น ต่อจุด เพื่อทุกความเป็นไปได้ไปกับเรา เพียงคุณเริ่มต้นที่จุดแรกไปกับเรา

Facebook Youtube Tiktok Spotify

แผนผังเว็บไซต์

Home
Business
People
News
Contact
Opinion
Investment
CIS
Sustainable
About Us

Copyright © 2024 Connect the Dots – All Rights Reserved

ข้อตกลงและเงื่อนไข

คำเตือนความเสี่ยงฉบับเต็ม

Removed from reading list

Undo
Welcome Back!

Sign in to your account

Lost your password?