จากประเด็นดราม่าของนักร้องดัง แสตมป์ อภิวัชร์ สู่เรื่องราวใหญ่โตที่กระทบหลายคนในวงการดนตรีของไทย ในรายการโหนกระแสเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2568 แสตมป์บอกกับ หนุ่ม กรรชัย ว่า เส้นทางอาชีพสายดนตรีของเขาอาจจบลงแล้ว เนื่องจากตอนนี้ถูกยกเลิกงานหมด และคนจำนวนมากก็ออกตัวว่าจะไม่สนับสนุน ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ถ้าศิลปินดังอย่างแสตมป์ออกจากวงการดนตรีไปจริง ๆ เขาอาจจะไปทำอะไรต่อจากนี้
เดิมทีแสตมป์เริ่มมีผลงานในวงการดนตรีจริงจังจากการเป็นมือกีตาร์วงกล้วยไทย และย้ายไปอยู่กับ 7thscene ช่วงหนึ่งก่อนจะออกมาเป็น ศิลปินเดี่ยวค่าย LOVEiS
จนในปี 2560 ก็ได้เปิดค่ายเพลงของตัวเองชื่อ 12sumrecords ภายใต้ชื่อ บริษัท เอช พี เอ็ม พี จำกัด ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการดูแลสิทธิในการผลิตซ้ำดนตรีเพื่อจำหน่ายหรือเผยแพร่ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อจำหน่ายลิขสิทธิ์เพลง ผลิตดนตรีประกอบสื่อโฆษณาให้คำปรึกษาด้านการแสดงและการร้องเพลงและธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้อง
ค่ายนี้ดูแลลิขสิทธิ์เพลงและโชว์ของแสตมป์เป็นหลัก แต่ก็มีศิลปินอื่น ๆ ในค่ายเช่นกัน โดยที่ผ่านมานับว่าเป็นบริษัทที่ทำรายได้สูงมาก มากกว่า 20 ล้านบาทต่อปี (ยกเว้นปี 64) ในงบการเงินล่าสุดปี 2566 มีรายได้ถึง 22 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิ 8 ล้านบาท
มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 98% คือ จีริสุดา ศรีวัฒน์ หรือ นิว ภรรยาของแสตมป์ และแสตมป์ถือหุ้นอีก 1% และ อติลาภินี สดเอี่ยม ถืออีก 1%
หากงานในวงการดนตรีหดหายไปจริง ๆ ค่ายเองก็น่าจะลำบาก เนื่องจากรับผิดชอบดูแลงานของแสตมป์เป็นหลัก แต่อาจหันไปผลักดันศิลปินคนอื่นในค่าย หรือศิลปินหน้าใหม่ขึ้นมา ทั้งนี้ก็อาจต้องรอกระแสซาไปก่อน ระหว่างนี้แสตมป์อาจยังไปเจาะกลุ่มคนฟังต่างประเทศได้ เนื่องจากเคยร่วมงานกับค่ายที่ญี่ปุ่นมาแล้ว
แต่พอถึงตอนกระแสซาจริง ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะกลับมาทัวร์และออกผลงานใหม่อีกครั้ง เพราะเอาจริงเคสนอกใจไม่ใช่ปัญหาใหญ่ในวงการบันเทิงไทย เราเห็นกันบ่อยมากสำหรับกรณีคนดังมีข่าวฉาว โดนจับได้ว่านอกใจ แต่สุดท้ายก็ยังทำงานต่อไปในวงการได้ตามปกติ
นั่นทำให้สุดท้ายแล้ว แม้ตอนนี้จะดูเป็นเรื่องใหญ่ แต่พอเวลาผ่านไปนักร้องหนุ่มก็น่าจะยังอยู่ในวงการดนตรีที่คุ้นเคยนี่แหละ สำหรับคนที่มีแพสชัน กับดนตรีอย่างแสตมป์ ก็คงไม่ทิ้งสิ่งนี้ไปง่าย ๆ เพียงแต่จะเพิ่มลดบทบาทอย่างไร มันก็ต้องเป็นเรื่องของความเหมาะสมในแต่ละช่วงเวลาเท่านั้นเอง