“การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต” “มีลุงไม่มีเรา มีเราไม่มีลุง” “เลือกก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม” นี่คือสโลแกนที่ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งของพรรคก้าวไกลทีผ่านมา
และผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ทำให้พรรคก้าวไกล กลายเป็นพรรคอันดับ 1 ในการจัดตั้งรัฐบาล และมีพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กำลังจะเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย
และสิ่งที่พรรคก้าวไกลหาเสียงมาตลอด คือ 300นโยบายของพรรคก้าวไกล และ นโยบาย 100 วัน มีอะไรบ้างที่ให้เราได้มาทบทวนกัน
– ประชามติ จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
– ยกเลิกการประกาศกฎอัยการศึกในชายแดนใต้
– ประชามติยกเลิกราชการส่วนภูมิภาค ไม่มีมครตกงาน-ไม่มีใครเสียประโยชน์
– ยกเลิกกฎระเบียบและคำสั่ง คสช.ที่ล็อกคอ-ล้วงลูกท้องถิ่น
– ห้ามใช้เงินหลวง โปรโมทตัวเอง
– กฎโรงเรียนต้องไม่ขัดหลักสิทธิมนุษยชน
– ครูละเมิดสิทธิ พักใบประกอบทันที
– เลิกให้ครูนอนเวร
– ยกเลิกพิธีรีตองในการประเมินครู-รับแขก
– เปลี่ยนนิคมสหกรณ์เป็นโฉนดทันที
– หยุดติดตั้งระบบ AIS (ระบบติดตามเรือ)
– “ค่าไฟแฟร์”ถูกและเป็นธรรมสำหรับประชาชน
– “หลังคาสร้างรายได้”เปิดเสรีโซลาร์เซลล์ ประกันราคาซื้อพลังงานสะอาดสำหรับครัวเรือน
– ลดรายจ่าย SME : หักค่าใช้จ่ายเหมาภาษี เพิ่มจาก 60% เป็น 90%
– เพิ่มแต้มต่อให้ SME : หวยใบเสร็จ ซื้อของร้านค้ารายย่อย ทั้งคนซื้อ คนขายได้หวย ลุ้นรวยเงินล้าน
ทั้งหมดคือนโยบาย 100 วันแรกของพรรคก้าวไกลเมื่อได้เป็นรัฐบาล ยังไม่รวมถึงนโยบายที่พรรคก้าวไกลประกาศไว้ เช่น
– ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร
– ปรับค่าแรงเป็น 450 บาทต่อวัน
– สมรสเท่าเทียม
– สุราก้าวหน้า
– แก้ไขกฎหมายมาตรา 112 เป็นต้น
หลังจากนี้จึงต้องดูว่าการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกลจะมีพรรคการเมืองใดมาเข้าร่วมในการจัดตั้งรัฐบาลบ้าง และจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ หรือพรรคเพื่อไทย หรือ เสียงข้างน้อย จะเกิดขึ้นหรือไม่ เพราะยังมีสมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว.250 คน ที่มีสิทธิ์ในการเลือกนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้และต้องมีเสียง 376 เสียงสมาชิกรัฐสภาทั้งส.ส.และส.ว.ในการเลือกนายกรัฐมนตรี
รวมทั้งการประกาศนโยบายต่างๆ ประชาชนมีสิทธิที่จะตรวจสอบ หรือ เช็กลิสต์นับจากนี้ว่าสามารถทำได้จริงหรือไม่ ทำได้ครบหรือไม่ ทำไม่ได้เพราะเหตุอะไร เมื่อก้าวเข้าสู่การเป็นรัฐบาล คำมั่นสัญญาที่ให้กับประชาชนในระบอบประชาธิปไตย ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะมิเช่นนั้น ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ประชาชนจะตอบแทนด้วยการลงคะแนน ซึ่งจะเป็นคำตอบถึงความรู้สึกนึกคิดของประชาชนที่ผ่านมา ดังนั้นการเมืองไทยนับจากนี้จะเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม