ตลาดการเงินโลกรวมถึงราคา Bitcoin กลับเข้าสู่ความไม่แน่นอนอีกครั้งหลังมีการเปิดเผยรายงานของการประชุม FED เดือนธันวาคมปีที่แล้วมีข้อความจากกรรมการบางรายที่เปิดเผยว่าต้องมีการเร่งลดงบดุลของ FED ให้เร็วที่สุด ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงจะทำให้สภาพคล่องส่วนเกินในตลาดการเงินหายไป ทำให้สินทรัพย์อย่างหุ้นเทคโนโลยีและ Bitcoin ถูกเทขายลงไปทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 39,500 ดอลลาร์
ยังดีที่ต่อมาประธาน FED ได้ออกมาพูดว่าอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำจะยังคงอยู่ไปอีกนานคาดหวังของตลาดการเงินว่า FED จะไม่เร่งใช้นโยบายการเงินเข้มงวดทำให้ตลาดเริ่มกลับมาคึกคักได้ในระดับหนึ่ง
แต่ปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อราคา Bitcoin หลังจากนี้เป็นต้นไปก็คือ “อัตราเงินเฟ้อ” ซึ่งล่าสุดประกาศออกมาประจำเดือนธันวาคมสูงแตะระดับ 7% แม้จะสูงขึ้นกว่าเดือนก่อนหน้า แต่ไม่ได้สูงไปกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ทำให้ราคา Bitcoin สามารถฟื้นตัวต่อไปได้
ในมุมมองของผมมี 3 สมมุติฐานของเงินเฟ้อที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจทางนโยบายการเงินของ FED และจะส่งผลต่อราคา Bitcoin ต่อไป โดยจะแบ่งออกเป็น Best Case,Base Case และ Worst Case
กรณีแรก..อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงแต่พุ่งขึ้นไม่ได้รวดเร็วมากเกินไป หากสถานการณ์เป็นแบบนี้จะทำให้ FED ไม่ได้รับแรงกดดันจนต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยหรือลดงบดุลเร็วเกินไป อย่างไรก็ตามอัตราเงินเฟ้อในระดับสูงจะยังจูงใจให้นักลงทุนบางส่วนตัดสินใจที่จะลงทุนใน Bitcoin เพื่อที่จะเอาชนะอัตราเงินเฟ้อระดับสูงต่อไป
กรณีที่สอง..อัตราเงินเฟ้อมีการปรับลดลงแต่ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าปกติ หากเกิดขึ้นแบบนี้ FED ไม่น่าที่จะเร่งลดงบดุลหรือเพิ่มดอกเบี้ยให้เร็ว เนื่องจากเงินเฟ้อไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป แต่จะไม่ได้ส่งผลบวกต่อ Bitcoin มากนักเพราะถ้าเงินเฟ้อไม่ได้สูงมากนัก นักลงทุนบางส่วนก็อาจจะไม่มีแรงจูงใจในการจะเข้ามาลงทุน Bitcoin ด้วยเช่นกันเพราะสินทรัพย์การลงทุนอื่นๆก็พอจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้เช่นกัน
กรณีที่สาม..อัตราเงินเฟ้อถีบตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเกินกว่า 7% หากเกิดกรณีนี้ FED อาจจะเร่งใช้นโยบายทางการเงินแบบเคร่งครัดเช่นขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้งภายในปีนี้ ซึ่งอาจจะเกิดผลลบต่อราคา Bitcoin เนื่องจากนักลงทุนจะมีการเทขายสินทรัพย์เสี่ยงที่เคยได้รับผลบวกจากสภาพคล่องส่วนเกินออกไปเช่น หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีรวมถึงคริปโต
ช่วงหลายปีมานี้ นักลงทุนใน Wall Street ได้เข้ามาลงทุนใน Bitcoin ในสัดส่วนที่สูงมากขึ้น ทำให้เวลาที่ตลาดหุ้นถูกเทขายก็จะกระทบต่อราคา Bitcoin อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ระยะสั้น Bitcoin อาจจะลงมาทำโลว์ใหม่ แม้ระยะยาวอาจจะทำให้เกิดนักลงทุนบางกลุ่มที่จะสนใจ Bitcoin แต่หากกราฟราคาเสียภาพขาขึ้น การจะกลับมาเป็นขาขึ้นก็อาจจะทำได้ยาก
แม้ว่า Bitcoin จะเป็นสินทรัพย์ที่สามารถชนะเงินเฟ้อระดับ Hyper Inflation ได้ แต่ระยะสั้นความผันผวนของนโยบายการเงินจาก FED จะมีผลต่อราคา Bitcoin อย่างแน่นอน ซึ่งต้องจับตาดูกันว่าการประชุม FED ครั้งแรกของปีนี้ในวันที่ 27 มกราคม 2022 ผลจะออกมาเป็นอย่างไร ขณะเดียวกันต้องติดตามอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯด้วยว่าทิศทางจะเป็นอย่างไรต่อไป