CTD - Connect the Dots
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Reading: อินเดีย ดาวดวงใหม่เศรษฐกิจโลก กับนโยบายที่ไทยรัฐควรศึกษา
Share
CTD - Connect the Dots
Aa
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
  • Contact
Search
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Follow US
Copyright © 2020 Creative Investment Space – All Rights Reserved
CTD - Connect the Dots > Blog > Economy > อินเดีย ดาวดวงใหม่เศรษฐกิจโลก กับนโยบายที่ไทยรัฐควรศึกษา
Economy

อินเดีย ดาวดวงใหม่เศรษฐกิจโลก กับนโยบายที่ไทยรัฐควรศึกษา

CTD admin
Last updated: 2024/12/02 at 9:30 AM
CTD admin Published December 2, 2024
Share

IMF หรือกองทุนการเงินระหว่างประเทศ คาดการณ์เศรษฐกิจเอเชียจะโตร้อยละ 4.6 ในปีนี้ ร้อยละ 4.4 ในปีหน้า นอกจากนี้ IMF ยังออกโรงเตือน ความเสี่ยงเชิงระบบ การขึ้นภาษีนำเข้าตอบโต้กันไปมา บั่นทอนโอกาสเศรษฐกิจทางเอเชีย เพิ่มต้นทุน กระทบห่วงโซ่อุปทาน แม้ IMF จะคาดการณ์ว่า ภูมิภาคนี้จะเป็นกำลังขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจโลก

ต้องบอกว่าเศรษฐกิจเอเชีย กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญ และความเสี่ยงร้ายแรงจากความตึงเครียดทางการค้าที่เพิ่มขึ้น ระหว่างประเทศคู่ค้ารายใหญ่ ในที่นี้คงหนีไม่พ้นจีนและสหรัฐอเมริกา ที่โดนัล ทรัมป์ เพิ่งชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี และมีแนวนโยบายแบบเดิมนั่นคือ อเมริกัน เฟิร์ส ซึ่งในอดีตจีนและสหรัฐฯ เคยห่ำหั่นกันด้วยสงครามภาษีมาแล้ว จนส่งผลกระทบไปทั่วโลก

รวมถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการเงินในประเทศเศรษฐกิจก้าวหน้า และความคาดหวังของตลาด อาจจะส่งผลต่อการตัดสินใจทางการเงินในเอเชีย ซึ่งจะกระทบกับกระแสเงินทุนโลก อัตราแลกเปลี่ยน ตลาดการเงินอื่น ๆ โดยเฉพาะเศรษฐกิจอินเดีย ที่ IMF ออกมาประมาณการว่า ขนาดของเศรษฐกิจประเทศอินเดียจะขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ของโลกในปี 2570 และข้อมูลนี้แทบจะไม่มีใครออกมาคัดค้าน นั่นยิ่งเป็นการสนับสนุนและทำให้เราเห็นว่าเศรษฐกิจอินเดียกำลังขยายตัวอย่างเต็มที่

คำถามคือ เพราะเหตุใด IMF ถึงคาดการณ์แบบนี้ ต้องย้อนกลับไปในยุค 90 ที่รัฐบาลอินเดียมีนโยบายการปฏิรูปเศรษฐกิจ โดยมีเป้าหมายในการลดจำนวนคนยากจน และแน่นอนว่า อินเดียประสบความสำเร็จ ที่สามารถลดจำนวนคนยากจนได้มากถึง 250 ล้านคนในระยะเวลาประมาณ 10 ปี สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดคือ อินเดียมีกลุ่มชนชั้นกลางที่มีกำลังซื้อที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่สำคัญคือการมีแรงงานจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้อินเดียถูกประเมินว่าจะเป็นเครื่องยนต์ใหม่ของเศรษฐกิจโลก

นอกจากนี้ข้อมูลจาก J.P. Morgan Economics Research ยังมองว่าอินเดีย เป็นประเทศหนึ่งที่เศรษฐกิจมีการเติบโตเร็วที่สุดในโลก คาดการณ์ว่า GDP จริงในปีนี้จะเติบโต 6.5% ขณะที่ผลกระทบในระยะสั้นต่อเศรษฐกิจของอินเดีย คือการเผชิญกับความผันผวนของอุปสงค์และสภาพอากาศที่ผิดปกติ ที่อาจส่งผลต่อผลประกอบการเพียงระยะสั้น ด้านผลในระยะยาวดูจะเป็นในทิศทางบวกโดยเฉพาะสำหรับนักลงทุน เพราะอินเดียมีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง

นอกจากนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจของรัฐบาลอินเดีย ยังมีปัจจัยอีกหลายด้านที่เป็นเงื่อนไขสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอินเดีย เช่น ประชากรทั้งประเทศที่มีมากถึง 1,450 ล้านคน ประชากรหนุ่มสาวที่เป็นแรงงานสำคัญมีจำนวน 2 ใน 3 หรือประมาณ 1,000 ล้านคน ในขณะที่อีกหลายประเทศกำลังประสบกับปัญหาขาดแคลนแรงงาน และเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้เศรษฐกิจไม่ค่อยเติบโต

ปัจจัยอื่น ๆ คือ นโยบายภาครัฐที่สนับสนุนการลงทุนและพัฒนาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะนโยบายที่ชื่อว่า Made in India ที่เริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 2014 เป้าหมายของนโยบายนี้คือการผลักดันให้อินเดียเป็นศูนย์กลางการผลิตของโลก นโยบายนี้มีการลดภาษีนิติบุคคลเพื่อดึงดูดบริษัทและนักลงทุนต่างชาติ ให้มาตั้งโรงงานที่อินเดียเพิ่มขึ้น แก้ไขกฎหมายการลงทุนเพื่อลดความยุ่งยาก และยังปราบปรามข้าราชการที่ทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งทำให้นักลงทุนต่างชาติมีความมั่นใจมากขึ้น

รัฐบาลอินเดียยังมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงการเชื่อมต่อโครงข่ายระดับโลก ทำให้บริษัทเทคโนโลยีต่างชาติทยอยตบเท้าเข้ามาลงทุนในอินเดียเพิ่มขึ้น การพัฒนาพลังงานทดแทนเพื่อสร้างความยั่งยืน การขยายตัวของภาคการผลิต

เหตุผลข้างต้นคือส่วนสำคัญที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติตัดสินใจหันมาลงทุนในอินเดีย ดินแดนภารตะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด บริษัทเอกชนจากไทยที่ไปลงทุนในอินเดียคือ บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร ที่เข้าไปลงทุนสร้างโรงงานในเมืองปูเน่ ประเทศอินเดีย เมื่อมองเห็นศักยภาพของตลาดอาหารและเครื่องดื่มอินเดีย ที่มีอัตราการเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญ หลังจากเข้าไปเจาะตลาด สร้างฐานลูกค้าด้วยการเปิดสำนักงานขายและนำเข้าสินค้ามาตามออเดอร์ที่ได้รับ มาประมาณ 5 ปี 

นายชัยวัฒน์ นันทิรุจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด ให้ข้อมูลด้านการลงทุนในอินเดียว่า “การเข้ามาลงทุนในอินเดีย ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีความแตกต่างจากการลงทุนในประเทศไทยพอสมควร ในด้านการดำเนินการขออนุญาต เป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน ไม่มี One Stop Service แบบไทย เราจะได้เปรียบและทำงานง่ายขึ้น หากเรามีคอนเนคชัน หรือมีคนอินเดียช่วยบริหารจัดการในขั้นต้นให้ ทั้งในแง่ของคำแนะนำ การเตรียมเอกสาร”

นอกจากนั้น ชัยวัฒน์ ยังอธิบายว่า อินเดียเป็นประเทศที่มีความพร้อมในหลายๆ ด้าน ทั้งภาคแรงงาน ระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมที่รัฐบาลกำลังพัฒนาอย่างเต็มกำลัง รวมถึงศักยภาพของบุคลากร คนอินเดียมีความเก่งและรอบรู้ ปัจจัยรอบด้านนี้จะเอื้อให้เกิดผลดีต่อการลงทุน และขยายธุรกิจในอินเดีย

การเข้าไปลงทุนในอินเดียตั้งแต่เนิ่นๆ นับเป็นการเดินเกมทางธุรกิจที่สร้างความได้เปรียบพอสมควร ทั้งในแง่ของความเชื่อมั่นต่อลูกค้า รวมถึงจะส่งผลดีต่อการขยายตลาดในอนาคต

นโยบายหลายด้านที่รัฐบาลอินเดียออกมาและบังคับใช้อย่างจริงจัง จนส่งผลให้เศรษฐกิจอินเดียเติบโตแบบก้าวกระโดด และกลายเป็นประเทศเนื้อหอมสำหรับนักลงทุนต่างชาติ นี่น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีที่รัฐนาวาไทยควรนำมาประยุกต์ใช้เพื่อดีต่อเศรษฐกิจไทย

You Might Also Like

ทำไมเวลานี้ Ethereum ถึงดูน่าสนใจกว่า Bitcoin

สินน้ำใจ รากเหง้าของสินบน มะเร็งร้ายเศรษฐกิจไทย

สงครามการค้า อเมริกาเมาหมัด คู่ชกซัดกลับ เศรษฐกิจ ฟื้น? หรือ ฟุบ?

ราคาทองพุ่งทยาน! ทองรูปพรรณ ขายออก 55,500 บาท

TAGGED: IMF, อินเดีย, เศรษฐกิจอินเดีย

Sign Up For Daily Newsletter

Be keep up! Get the latest breaking news delivered straight to your inbox.
By signing up, you agree to our Terms of Use and acknowledge the data practices in our Privacy Policy. You may unsubscribe at any time.
CTD admin December 2, 2024
Share this Article
Facebook Twitter Email Copy Link Print
Previous Article GC พร้อมเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ชูดอกเบี้ย 5 ปี 6 เดือนที่ 5.25%
Next Article Nissan อาจหายไป? 1 ปีสุดท้ายก่อนกลายเป็นตำนาน
CTD - Connect the Dots

Connect The dots ชุมชนสำหรับผู้ที่ชอบค้นหาโอกาสใหม่ พัฒนาตัวเองตลอดเวลา และเชื่อในโอกาสใหม่ๆ พื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ ไม่ว่าจะเป็นโลกธุรกิจ การลงทุน เทรนด์กระแส หรือ แม้กระทั่ง การเงินส่วนบุคคล ร่วมลากเส้น ต่อจุด เพื่อทุกความเป็นไปได้ไปกับเรา เพียงคุณเริ่มต้นที่จุดแรกไปกับเรา

Facebook Youtube Tiktok Spotify

แผนผังเว็บไซต์

Home
Business
People
News
Contact
Opinion
Investment
CIS
Sustainable
About Us

Copyright © 2024 Connect the Dots – All Rights Reserved

ข้อตกลงและเงื่อนไข

คำเตือนความเสี่ยงฉบับเต็ม

Removed from reading list

Undo
Welcome Back!

Sign in to your account

Lost your password?