CTD - Connect the Dots
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Reading: ทำไมร้านนี้มีแต่ Pepsi ไม่มี Coca-Cola? Yum Brands เครือ Fast Food ที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำเนิดจากสงครามน้ำอัดลม
Share
CTD - Connect the Dots
Aa
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
  • Contact
Search
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Follow US
Copyright © 2020 Creative Investment Space – All Rights Reserved
CTD - Connect the Dots > Blog > Business > ทำไมร้านนี้มีแต่ Pepsi ไม่มี Coca-Cola? Yum Brands เครือ Fast Food ที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำเนิดจากสงครามน้ำอัดลม
Business

ทำไมร้านนี้มีแต่ Pepsi ไม่มี Coca-Cola? Yum Brands เครือ Fast Food ที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำเนิดจากสงครามน้ำอัดลม

thuck@connectthedotsth.com
Last updated: 2024/03/12 at 11:53 AM
[email protected] Published November 2, 2023
Share

ทุกวันนี้ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดมีให้เห็นอยู่ทั่วไป และกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของใครหลายคนไปแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นเบอร์เกอร์ พิซซ่า ทาโก้ หรือไก่ทอด ซึ่งก็มักจะเสิร์ฟคู่กับน้ำอัดลมหลากรสชาติ รวมถึงโคล่าที่ขาดไม่ได้ แต่สังเกตกันไหมครับว่าบางร้านจะมีแค่ Pepsi และบางร้านก็มีแต่ Coca-Cola (Coke)

นั่นก็เพราะว่าแต่ละร้านมีพาร์ตเนอร์คนละเจ้ากันโดยสิ้นเชิง ร้านไหนดีลกับ Coke แล้วก็จะไม่เสิร์ฟ Pepsi

และที่แน่นอนกว่าคือ ร้านไหนที่มีดีลกับ Pepsi จะไม่มีทางเสิร์ฟ Coke และเป็นที่รู้กันได้เลยว่านั่นคือร้านภายใต้เครือร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Yum Brands ที่เกิดขึ้นมาจากสงครามโคล่าระหว่าง Pepsi และ Coca-Cola

แล้วสงครามโคล่าทำให้เกิดเครือร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้อย่างไร

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าโคล่าแบรนด์แรกของโลกคือ Coca-Cola ที่เริ่มจำหน่ายตั้งแต่ปี 1886 ซึ่งก็ครองใจผู้บริโภคทั่วโลกได้ และ Pepsi คือผู้เล่นที่กระโดดเข้ามาในวงการนี้ทีหลังในปี 1893 ขายเครื่องดื่มโคล่าเหมือนกัน และทำให้สงครามระหว่างสองแบรนด์ปะทุขึ้นตั้งแต่นั้นมา

ตลอดการแข่งขันในตลาดน้ำอัดลม ทั้งสองซัดกันไปมาด้วยการตลาดและการโฆษณาเป็นหลัก แต่ในภาพรวมแล้ว Coca-Cola ทำได้ดีกว่ามาก และยังมีแต้มต่อจากการเป็นเจ้าแรก ทำให้ยังเป็นผู้นำอยู่เสมอ

ในขณะที่ Pepsi เองประกาศล้มละลายถึงสองครั้ง และถึงกับยอมแพ้ เสนอขายบริษัทให้ Coca-Cola ในสองครั้งนั้นด้วย ซึ่งทางอันดับหนึ่งก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด และปฏิเสธไปทั้งสองรอบ

ในตอนนั้นร้านอาหารส่วนใหญ่เลือกเสิร์ฟ Coca-Cola ในร้าน ซึ่งมีผลสำคัญต่อยอดขายและการสร้างความคุ้นเคยให้กับผู้บริโภค ทำให้ Pepsi เองสู้ยากขึ้นไปอีก แต่ Pepsi ก็เล็งเห็นโอกาสสำคัญในธุรกิจอาหาร

Pepsi คิดว่า แทนที่จะดันทุรังแข่งกับ Coca-Cola ในตลาดน้ำอัดลมเพียงอย่างเดียว ซึ่งฝั่งนั้นได้เปรียบมาก ทำไมไม่มาแข่งในธุรกิจร้านอาหาร ที่ผู้คนมักจะดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำอยู่แล้วล่ะ

และแทนที่จะทุ่มเงินไปกับการตลาดและการโฆษณาแพง ๆ ให้ร้านอาหารอยากจะเอา Pepsi มาเสิร์ฟแทน Coke ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะได้ผลไหม ก็เลือกที่จะเอาเงินมาซื้อร้านอาหาร และให้เสิร์ฟ Pepsi ในร้านเสียเลย แบบนี้ชัวร์กว่าเยอะ

Pepsi จึงเริ่มก้าวเข้าสู่ธุรกิจอาหารด้วยการซื้อ Pizza Hut ในปี 1977 ซื้อ Taco Bell ในอีกหนึ่งปีให้หลัง และซื้อ KFC ในปี 1986 ซึ่งถือเป็น 3 เฟรนไชส์หลักมาจนถึงทุกวันนี้ และให้ร้านอาหารเหล่านี้ที่มีฐานลูกค้ามากมายเสิร์ฟ Pepsi ให้กับลูกค้า รวมถึงแบรนด์อื่น ๆ ที่ได้ซื้อเข้ามาในภายหลังด้วย

เข้ามาลุยในธุรกิจอาหารได้ 20 ปี Pepsi ก็เริ่มมีวิสัยทัศน์และแนวทางที่เปลี่ยนไป ตัดสินใจแยกบริษัทสำหรับเครือร้านอาหารออกมาต่างหาก แม้ว่ากำลังไปได้สวยก็ตาม เนื่องจากต้องการโฟกัสกับเครื่องดื่มของตัวเองให้มากที่สุด บวกกับเทรนด์ในการลงทุนที่เปลี่ยนไป

จากเดิมในช่วง 60s-70s นักลงทุนเลือกลงทุนในหุ้นบริษัทที่เอาเงินไปใช้กับหลากหลายธุรกิจเพื่อกระจายความเสี่ยง เพิ่มความมั่นคงให้กับพอร์ต แต่ในช่วงยุค 90s เทรนด์เริ่มเปลี่ยน นักลงทุนไม่สนใจเรื่องความมั่นคงและความเสี่ยงของพอร์ตนัก แต่เน้นผลตอบแทนเน้น ๆ มากกว่า สอดคล้องกับข้อมูลจากนักวิเคราะห์ที่บอกว่าบริษัทที่โฟกัสกับไลน์สินค้าที่น้อยกว่า ทำกำไรได้สูงกว่าบริษัทที่มีหลากหลายผลิตภัณฑ์ซึ่งมีความเกี่ยวข้องเพียงน้อยนิดกับสินค้าหลักของธุรกิจ

ทำให้เกิดแบรนด์ spin-off ของ PepsiCo ชื่อ Tricon Global Restaurants ในปี 1997 และยังคงเติบโตในธุรกิจร้านอาหารอย่างแข็งแรง มีการร่วมมือทำร้านอาหารแบบต่างแบรนด์ขายที่เดียวกันกับ Yorkshire Global Restaurants ที่ถือครอง A&W และ John Silver’s

จนในที่สุดก็ตัดสินใจควบรวมกันในปี 2002 และเกิดเป็น Yum Brands ขึ้นมาในที่สุด เป็นผลให้ทั้ง A&W และ John Silver’s ที่เคยเสิร์ฟ Coca-Cola เปลี่ยนมาเสิร์ฟ Pepsi ด้วยในเวลาต่อมา

แต่รวบดีลมาได้ไม่นาน ปี 2011 Yum Brands ก็ประกาศลอยแพ A&W และ John Silver’s เนื่องจากยอดขายไม่ค่อยดี และอยากหันไปโฟกัสกับ 3 ลูกรักอย่าง KFC, Pizza Hut, และ Taco Bell มากกว่า (เปลี่ยนโฟกัสอีกแล้วนะ)

ขายสิทธิ์ของเฟรนไชส์ให้กับ A Great American Brand ดูแลสาขาในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ ส่วนในไทยมี Global Consumer เป็นผู้ดูแล แต่ก็พ่ายแพ้ไปในช่วงโควิด ขาดทุนหนักจนต้องขายทิ้งในที่สุด

ในขณะเดียวกัน Yum Brands ต้องประสบปัญหาการดำเนินธุรกิจในจีน เพราะมีปัญหาเรื่องสารปนเปื้อนและการขนส่งจากซัปพลายเออร์หลายต่อหลายครั้ง รวมถึงเทรนด์ของผู้บริโภคชาวจีนที่มีจำนวนมากเปลี่ยนไปอยู่ตลอด จึงตัดสินใจว่าเป็นการดีกว่าที่จะ spin-off แบรนด์ออกมาเป็น Yum China ในปี 2015 และดำเนินการแล้วเสร็จในปี 2016 (spin-off เก่งจริง ๆ )

ดูเหมือนว่าการตัดสินใจแก้ไขปัญหาที่ผ่านมาของ Yum Brands เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องและได้ผลดี ปัจจุบันนี้ Yum Brand เติบโตขึ้นมาเป็นเครือร้านอาหารอันดับหนึ่งของโลก มีร้านอาหารในเครือกว่า 55,000 ร้าน ใน 155 ประเทศทั่วโลก และทำรายได้มหาศาล ปี 2022 ทำรายได้ทั่วโลก (ยกเว้นในจีน) ไปกว่า 6,840 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จนเรียกได้ว่าเป็นธุรกิจที่แข็งแกร่งมาก ๆ

แม้ว่า Yum Brands จะมีต้นกำเนิดจากสงครามโคล่า ที่ปัจจุบัน Pepsi เองก็ยังไม่สามารถเอาชนะ Coca-Cola ได้ แต่ธุรกิจ spin-off นี้ก็สามารถเติบโตได้ดีและยืนหนึ่งได้ในอุสาหกรรมร้านอาหารทั่วโลก เป็นผลจากการตัดสินใจแก้ปัญหาที่ชาญฉลาดและทันท่วงทีตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา

https://www.washingtonpost.com/…/a8232eca-9774-4355…/
https://www.zippia.com/yum-brands-careers-13061/history/
https://www.marketingdive.com/…/coke-vs-pepsi…/621711/
https://eightify.app/…/pepsi-s-downfall-unveiling-the….

You Might Also Like

SKIN เจ้าของ Skinsista , Dermie ปักหมุดโรดโชว์ เสนอข้อมูลธุรกิจ ร่วม 8 จังหวัด

EKA GLOBAL ชูโซลูชั่นกรีนโปรดักส์ รับเทรนด์ความยั่งยืน ภายในงาน THAIFEX-ANUGA ASIA 2025

PTG โชว์ยอดขาย Non-Oil โต 32.2% กาแฟพันธุ์ไทย ขยายสาขาได้เฉลี่ย 1.5 สาขา/วัน

AOT ราคาเท่าไหร่ถึงเรียกว่าถูก?

TAGGED: Business, coca cola, coke, cola, connectthedots, ctd, pepsi, yum, yum brands

Sign Up For Daily Newsletter

Be keep up! Get the latest breaking news delivered straight to your inbox.
By signing up, you agree to our Terms of Use and acknowledge the data practices in our Privacy Policy. You may unsubscribe at any time.
[email protected] November 2, 2023
Share this Article
Facebook Twitter Email Copy Link Print
Previous Article จาก The Shock สู่ The Ghost Radio ย้อนรอยรายการผีแห่งยุค เขาเล่าเรื่องผีกันอย่างไรให้มีรายได้เป็นล้าน
Next Article ใช้เพลงประกอบฯ ปลุกกระแสหนังไม้เด็ดสตูดิโอดังที่ช่วยดันหนังตั้งแค่ GTH ถึง GDH
CTD - Connect the Dots

Connect The dots ชุมชนสำหรับผู้ที่ชอบค้นหาโอกาสใหม่ พัฒนาตัวเองตลอดเวลา และเชื่อในโอกาสใหม่ๆ พื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ ไม่ว่าจะเป็นโลกธุรกิจ การลงทุน เทรนด์กระแส หรือ แม้กระทั่ง การเงินส่วนบุคคล ร่วมลากเส้น ต่อจุด เพื่อทุกความเป็นไปได้ไปกับเรา เพียงคุณเริ่มต้นที่จุดแรกไปกับเรา

Facebook Youtube Tiktok Spotify

แผนผังเว็บไซต์

Home
Business
People
News
Contact
Opinion
Investment
CIS
Sustainable
About Us

Copyright © 2024 Connect the Dots – All Rights Reserved

ข้อตกลงและเงื่อนไข

คำเตือนความเสี่ยงฉบับเต็ม

Removed from reading list

Undo
Welcome Back!

Sign in to your account

Lost your password?