CTD - Connect the Dots
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Reading: “หุ้นปันผล” ยังมีเสน่ห์ แม้กลุ่มแบงก์โดนเบรก
Share
CTD - Connect the Dots
Aa
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
  • Contact
Search
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Follow US
Copyright © 2020 Creative Investment Space – All Rights Reserved
CTD - Connect the Dots > Blog > Investment (Closed) > ข่าวลงทุนรอบโลก > ตลาดหุ้นไทย > “หุ้นปันผล” ยังมีเสน่ห์ แม้กลุ่มแบงก์โดนเบรก
ข่าวลงทุนรอบโลกตลาดหุ้นไทยทั้งหมด

“หุ้นปันผล” ยังมีเสน่ห์ แม้กลุ่มแบงก์โดนเบรก

connectthedots admin
Last updated: 2022/12/10 at 2:47 PM
connectthedots admin Published July 9, 2020
Share

“กลุ่มหุ้นปันผล” ยังไม่หมดเสน่ห์ แม้ธนาคารพาณิชย์โดยคำสั่งห้ามจ่ายปันผลระหว่างกาล ภาพรวมนักวิเคราะห์ และผู้จัดการกองทุนยังให้น้ำหนักเข้าลงทุน เหตุได้รับผลกระทบจากวิกฤตน้อย มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และเป็นผู้นำในแต่ละธุรกิจ คาดหลายบริษัทรับอานิสงส์เม็ดเงินลงทุนโยกย้ายจากกลุ่มแบงก์ไหลเข้ามาสะสมแทน แต่ย้ำเหมาะกับการลงทุนระยะยาวเพื่อรอราคาหุ้นและอัตราปันผลในอนาคตที่อาจดีกว่าปัจจุบัน หรือเมื่อการแพร่ระบาดของ COVID-19 ยุติลง

ต้องยอมรับว่าจากประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กรณีให้ธนาคารพาณิชย์ จัดทำแผนบริหารจัดการระดับเงินกองทุนสำหรับระยะ 1-3 ปีข้างหน้า โดยคำนึงถึงแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต และศักยภาพของลูกหนี้ในการทำธุรกิจภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 คลี่คลาย และในระหว่างที่จัดทำแผนบริหารจัดการระดับเงินกองทุนใหม่นี้ ขอให้ธนาคารพาณิชย์ งดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานในปี 2563 รวมถึงงดการซื้อหุ้นคืน เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์รักษาระดับเงินกองทุนให้เข้มแข็งและรองรับการดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ COVID-19 นั้น แน่นอนว่าเรื่องดังกล่าวสร้างผลกระทบต่อราคาหุ้นในกลุ่มธนาคารอย่างหนีไม่พ้น

แต่ขณะเดียวกัน เรื่องดังกล่าว ได้สะท้อนมุมของ ธปท. ที่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังอาจแย่กว่าที่คาดไว้ บวกกับมีความกังวลต่อผลของมาตรการต่างๆที่มีออกมาเพื่อช่วยเหลือเยียวยาลูกหนี้ช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสถานะเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์

ไม่เพียงเท่านี้ ที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มธนาคารถือเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นปันผล (Dividend Yield) เพราะมีหลายธนาคารที่จ่ายอัตราเงินปันผลในระดับที่น่าพอใจ และในสถานการณ์ปกติธนาคารพาณิชย์ที่มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ได้แก่ BAY BBL KBANK KKP SCB ดังนั้นการที่ธปท.สั่งให้งดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จะทำให้เงินปันผลระหว่างกาลโดยรวมทั้งตลาดจะหายไปประมาณ 1.43 หมื่นล้านบาทจากทั้งหมดในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม

อย่างไรก็ตาม จากกรณีดังกล่าวนักลงทุนหลายรายเริ่มตั้งคำถามต่อการลงทุนในหุ้นปันผลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันที่ยังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส COVID-19 นั้นยังเหมาะสมหรือมีศักยภาพเพียงพอสำหรับช่วยผ่อนปรบผลกระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้มากน้อยเพียงใด

จากคำถามดังกล่าว นำมาซึ่งการรวบรวมความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ และผู้จัดการกองทุนต่อเรื่องนี้ และพบว่านักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ยังคงให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นปันผลเช่นเดิม แม้ในปีนี้กลุ่มธนาคารพาณิชย์จะไม่สามารถจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลได้ก็ตาม แต่หุ้นปันผลในกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆยังมีความน่าสนใจเข้าลงทุน อีกทั้งคาดว่าจะได้รับปัจจัยบวกจากเม็ดเงินลงทุนบางส่วนที่โยกย้ายมาจากกลุ่มธนาคารพาณิชย์มาหุ้นในอุตสาหกรรมเหล่านี้เพิ่มเติม โดยมีการคาดการณ์ว่า หุ้นอัตราปันผลสูงที่จะได้รับอานิสงส์จากเรื่องนี้ได้แก่ INTUCH, SCC, PTTGC และ CPF เป็นต้น

เมื่อเร็วๆนี้ “อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล” ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล. ทิสโก้ (TISCO) แสดงความเห็นถึงทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นไทยว่า ตั้งแต่ช่วงต้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา บล.ทิสโก้ มองว่ามูลค่าหุ้นไทยตึงตัวมาก จึงแนะนำให้ลูกค้าทยอยขายกระชับพอร์ต และล่าสุดดัชนีหุ้นไทยได้ปรับตัวลดลงและเข้าสู่ช่วงพักฐาน ดังนั้นหากดัชนีปรับตัวลงต่ำกว่า 1,340 จุด มองเป็นระดับที่น่าทยอยสะสมหุ้น จากแนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังเริ่มฟื้นตัวและปีหน้าคาดดีต่อเนื่อง เช่น CPALL, HMPRO, BBL, KKP, BAM, AEONTS, SCC, CK, SEAFCO และ BEM นอกจากนี้ ยังมองเป็นจังหวะทยอยเก็บหุ้นปันผล เนื่องจากอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะเข้าสู่การจ่ายปันผลระหว่างกาล โดยชอบ EASTW, EGCO, RATCH, INTUCH, DCC, SCCC, LH, QH, DIF และ TFFIF

ขณะที่อีกปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ มาจากรายงานของ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินทิศทางการเข้าลงทุนหุ้นปันผลว่า ที่ผ่านมากลุ่มธนาคารพาณิชย์ถูกกระทบอย่างหนัก ทั้งการลดดอกเบี้ยนโยบาย และการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ตามาตรการของ ธปท. รวมถึงการขอให้งดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลและงดซื้อหุ้นคืน แต่คาดว่าปันผลระหว่างกาลที่งดจ่ายของกลุ่มธนาคาร จะเป็นเพียงการเลื่อนเพื่อทบไปจ่ายเป็นปันผลเต็มปีเท่านั้น

และถ้าอยากได้ผลตอบแทนจากเงินปันผลระหว่างกาล บล.หยวนต้า ได้คัดหุ้นใน SET100 ที่มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลน่าสนใจได้แก่ ADVANC/ INTUCH/ DTAC/ PTT/ SCC/ BPP/TPIPP/ TTW/ LH/ SPALI จึงมองว่านักลงทุนยังมีทางเลือกสำหรับการลงทุนที่เน้นหุ้นปันผล เพราะหลายบริษัทยังมีอัตราจ่ายเงินปันผลในระดับที่สูงกว่าหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ด้วยเช่นกัน

ดังนั้นจากมุมมองข้างต้น พอสรุปได้ว่า นักวิเคราะห์มีมุมมองที่เป็นบวกต่อกลุ่มหุ้นปันผล แม้ภาพรวมตลาดหุ้นดูเหมือนจะรับรู้ประเด็น COVID-19 จบไปแล้ว แต่ในความเป็นจริงสถานการณ์ยังไม่จบและเริ่มเห็นมาตรการดูแลที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น ดังนั้นตลาดอาจจะมีโอกาสชะลอการปรับตัวขึ้นบ้าง จากความเสี่ยงในอนาคต โดยหนึ่งกลยุทธ์ลงทุนที่น่าสนใจช่วง 1-2 เดือนนี้ คือหุ้นปันผลสูงและหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง ปันผลเด่น ซึ่งช่วงนี้เป็นฤดูกาลการจ่ายปันผลพอดี อีกทั้งที่ผ่านมาพบว่าหุ้นปันผลจะฟื้นตัวได้ร้อนแรงกว่าตลาด สะท้อนได้จากดัชนี SETHD เพิ่มขึ้น 8.47% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า นั่นเพราะหุ้นปันผลส่วนใหญ่มีรายได้มั่นคง เมื่อเทียบกับหุ้นประเภทอื่น ๆ อีกทั้งมีแผนธุรกิจรองรับความผันผวน ที่ดีทำให้จึงผันผวนน้อยกว่าตลาด

ขณะที่มุมของผู้จัดการกองทุนต่อกลุ่มหุ้นปันผลนั้น พบว่า “วิพุธ เอื้ออานันท์” ประธาน เจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุน ตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงศรี จำกัด ให้มุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นไทยว่า ยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะกลางถึงยาว โดยเฉพาะในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำระดับ 0% กว่าๆ ทำให้นักลงทุนยังคงมองหาโอกาสในการลงทุนในตลาดหุ้นที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า แม้ตลาดหุ้นในปัจจุบันนี้ยังคงมีความเสี่ยง และค่อนข้างผันผวน โดยในมุมมองของบลจ.กรุงศรี ประเมินว่ายังเข้าลงทุนได้แต่ให้ใช้วิธีค่อยๆ ทยอยเข้าลงทุน โดยเลือกหุ้นในกลุ่มที่มีปันผล และมีสัญญาณการฟื้นตัวหลังจากปลดล็อกดาวน์ เพราะเป็นกลุ่มที่มีโอกาสกลับมาเติบโตดีในอนาคต โดยมองว่าการปรับตัวของดัชนี ต่อจากนี้น่าจะไม่หวือหวามากแล้ว และจะกลับไปก่อนจุดที่เกิด COVID-19 ประมาณ 1,600-1,700 จุดได้นั้นคงต้องใช้เวลา เพราะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกรวมถึงเศรษฐกิจไทยคาดว่าจะใช้เวลาราว 2 ปี ทำให้หุ้นไทยปีนี้น่าจะอยู่แถว 1,400 จุด และปัจจุบัน ดัชนีหุ้นไทยเทียบกับกำไรของ บริษัทจดทะเบียนพบว่าอยู่ในระดับสูง และ เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ โดยปัจจุบัน มี P/E อยู่ที่ 20.4 เท่า และในปี 2564 คาด P/E ยังสูงอยู่ที่ 16.3 เท่า เทียบกับอินโดนีเซียที่มี P/E ที่ 13.7 เท่า ฟิลิปปินส์ 14 เท่า

เสริมด้วย “วิน พรหมแพทย์” ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) พรินซิเพิล จำกัด แสดงความเห็นว่า ผู้จัดการกองทุนยังคงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นปันผลในขณะนี้โดยเฉพาะในช่วงดอกเบี้ยต่ำ และเมื่อหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลดลงยิ่งสะท้อนถึงความต้องการของผู้ลงทุนได้ชัดเจนว่า ลงทุนเพราะต้องการปันผลเป็นหลัก ดังนั้นยังคงแนะนำการลงทุนในลักษณะเช่นนี้อยู่ โดยจะเห็นว่าในช่วงที่ผ่านมามีกลุ่มหุ้นปันผลหลายตัวที่จ่ายปันผลได้ดีและอยู่รอดพ้นในช่วงวิกฤติ COVID-19 มาได้ อย่างเช่น กลุ่มโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค ไม่ว่าจะเป็น ไฟฟ้า ประปา

สำหรับระยะยาวคาดว่าตลาดหุ้นยังมีโอกาสปรับฐานลงได้อีก ดังนั้นเมื่อถึงช่วงเวลาดังกล่าวมองว่าเป็นจังหวะที่กลับมาพิจารณาการลงทุนในกลุ่มหุ้นปันผลอีกรอบได้ เพราะหุ้นปันผล เป็นกลุ่มหุ้นที่มีความต้านทานต่อตลาด แม้ว่าในช่วงตลาดปรับตัวขึ้นอาจจะขึ้นช้ากว่าตลาด แต่เมื่อตลาดปรับตัวลงก็ปรับตัวลงน้อยกว่าตลาด ทำให้ยังสามารถสร้างผลตอบแทนเพิ่มได้ แต่การลงทุนกองทุนหุ้นปันผล มองว่า ยังคงเหมาะกับผู้ลงทุนที่ไม่ชอบความหวือหวามากเกินไป และสามารถได้รับปันผลมาช่วยในช่วงที่ดอกเบี้ยต่ำ

ที่มา : https://mgronline.com/stockmarket/detail/9630000069056

#CISThai

Line Official: https://lin.ee/jO65rNq

Website : https://connectthedotsth.com/ 

FB Fanยage: https://www.facebook.com/CreativeInvestmentSpace

You Might Also Like

TISA แนวคิดใหม่ของตลาดหลักทรัพย์ฯ “ซื้อหุ้น ได้ลดหย่อนภาษี” หวังช่วยหนุนตลาดหุ้นไทย

Globlex ถอดสูตรลงทุนเดือนกุมภาพันธ์ คัด 2 ธีมหุ้นลงทุน รับอานิสงส์ Easy-E receipt

ธรรมาภิบาลไม่เหลือ แล้วจะให้เชื่อว่าหุ้นขึ้น?

Globlex มองกรอบดัชนีตลาดหุ้นไทยปี 68 ที่ระดับ 1,330 – 1,530 จุดและกรอบราคาทองคำที่ 39,500 – 44,500 บาท 

TAGGED: ตลาดหุ้นไทย, หุ้นธนาคาร, หุ้นปันผล

Sign Up For Daily Newsletter

Be keep up! Get the latest breaking news delivered straight to your inbox.
By signing up, you agree to our Terms of Use and acknowledge the data practices in our Privacy Policy. You may unsubscribe at any time.
connectthedots admin July 9, 2020
Share this Article
Facebook Twitter Email Copy Link Print
Previous Article ตลาดลงทุนคลายความกังวลเรื่อง COVID-19 ลง
Next Article โปรโมชั่น GMI EDGE ล่าสุด (ก.ค. 2563)
CTD - Connect the Dots

Connect The dots ชุมชนสำหรับผู้ที่ชอบค้นหาโอกาสใหม่ พัฒนาตัวเองตลอดเวลา และเชื่อในโอกาสใหม่ๆ พื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ ไม่ว่าจะเป็นโลกธุรกิจ การลงทุน เทรนด์กระแส หรือ แม้กระทั่ง การเงินส่วนบุคคล ร่วมลากเส้น ต่อจุด เพื่อทุกความเป็นไปได้ไปกับเรา เพียงคุณเริ่มต้นที่จุดแรกไปกับเรา

Facebook Youtube Tiktok Spotify

แผนผังเว็บไซต์

Home
Business
People
News
Contact
Opinion
Investment
CIS
Sustainable
About Us

Copyright © 2024 Connect the Dots – All Rights Reserved

ข้อตกลงและเงื่อนไข

คำเตือนความเสี่ยงฉบับเต็ม

Removed from reading list

Undo
Welcome Back!

Sign in to your account

Lost your password?