CTD - Connect the Dots
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Reading: Sell in May and Go Away จริงหรือ?
Share
CTD - Connect the Dots
Aa
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
  • Contact
Search
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Follow US
Copyright © 2020 Creative Investment Space – All Rights Reserved
CTD - Connect the Dots > Blog > Investment (Closed) > Sell in May and Go Away จริงหรือ?
Investment (Closed)

Sell in May and Go Away จริงหรือ?

connectthedots admin
Last updated: 2023/07/01 at 5:28 AM
connectthedots admin Published May 18, 2022
Share

นักลงทุนหลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินคำว่า Sell in May and Go Away มันคืออะไร? เราจะอธิบายปรากฎการณ์นี้ให้ฟังอย่างคร่าวๆ

Sell in May and Go Away คือปรากฎการณ์ที่เกิดจาก ค่าสถิติที่ระบุว่า ในช่วงเดือนพฤษภาคม (ผลตอบแทนทั้งเดือนพฤษภาคม) เป็นช่วงเวลาที่ไม่ควรถือครองสินทรัพย์เสี่ยงจำพวกหุ้น เนื่องจากในเดือนพฤษภาคมนั้น ตลาดหุ้นมักให้ผลตอบแทนที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก เมื่อเทียบกับเดือนที่เหลือ 

.

สาเหตุหลัก ๆ ของการปรับตัวลงในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เป็นผลมาจากการประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 ของบริษัทจดทะเบียนต่าง ๆ รวมไปถึงการประกาศจ่ายปันผล และการประกาศคาดการณ์ผลการดำเนินงานในปีนั้น ๆ เป็นครั้งแรกของปีด้วย ซึ่งมากพอที่จะชี้ทิศทางของผลการดำเนินงานทั้งปีได้ หากไม่ผิดความคาดหมายไปมากนัก

.

ซึ่งเมื่อนักลงทุนได้ทราบถึงแนวโน้มชัดเจนแล้ว ก็มักที่จะขายทำกำไร (ถ้ามี) เพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้งในอนาคต สรุปง่าย ๆ ก็คือเกิดภาวะ Sell on Fact เมื่อได้รับทราบข่าวสาร ปันผล และคาดการณ์บริษัทอย่างครบถ้วนแล้วนั่นเอง

.

แล้วปัจจัยความกังวลใน May 2022 นี้ล่ะ? มีอะไรบ้างที่มีความเป็นไปได้ ที่จะทำเกิดการเทขายสินทรัพย์ เช่น หุ้น เป็นต้น 

.

1. Russian – Ukraine Tension

ความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังหาข้อยุติไม่ได้ หลายฝ่ายประเมินว่าสถานการณ์สงครามทางเศรษฐกิจจะดำเนินต่อ โดยเฉพาะการดำเนินมาตรการคว่ำบาตรเศรษฐกิจ จะเพิ่มมากขึ้นจากสหรัฐฯ และชาติตะวันตก ซึ่งจะทำให้ความขัดแย้งระหว่างประเทศมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น

.

จากเดิมที่มีสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ที่ส่งผลกระทบต่อซัพพลายเชนโลก และเพิ่มขึ้นมาด้วยความขัดแย้งระหว่างฝ่ายสหรัฐฯและชาติตะวันตก กับฝ่ายรัสเซียและพันธมิตร รวมไปถึงข้าวสาลีที่ยูเครน เป็นผู้ส่งออกอันดับต้นๆ ของโลก และรัสเซียที่เป็นผู้ผลิตปุ๋ยอันดับหนึ่ง รวมไปถึงผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติ ให้กับฝั่งยุโรป เมื่อโดนคว่ำบาตาร จึงทำให้ต้นทุนการบริโภคสินค้าเหล่านี้พุ่งสูงขึ้น เป็นผลให้เงินเฟ้อเร่งตัวสูงขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้สินทรัพย์เหล่านี้เสี่ยงโดนเทขายในเดือนพฤษภาคม

.

2. US Monetary Policy

นโยบายทางการเงินของสหรัฐฯ ที่เข้มงวดขึ้น หลังจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นจากมาตรารการคว่ำบาตร อาจจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ จำเป็นต้องใช้นโยบายที่เข้มงวดในการขึ้นอัตราดอกเบี้ย และลด Balance sheet ของธนาคารกลาง (Quantitative Tightening ) เพื่อควบคุมเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้หุ้นที่มีลักษณะเติบโตสูง เช่น หุ้นกลุ่ม technology นั้น ได้รับผลกระทบจาก operation cost ที่พุ่งสูงขึ้นมากกว่าในไตรมาสก่อน ซึ่งทำให้ผลประกอบนั้นมีความไปได้ที่จะชะลอตัวลง

.  

3. Zero Covid Policy

จากการแพร่ระบาดรอบล่าสุดในปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทำให้รัฐบาลจีนสั่งปิดหัวเมืองหลัก อย่าง เซินเจิ้นและเซี่ยงไฮ้ โดยมีการดำเนินการตามมาตรการโควิดต้องเป็นศูนย์เท่านั้น ซึ่งทำให้ประขาชนในเมืองดังกล่าวนั้น ได้รับผลกระทบจากการห้ามดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งหมด อย่างที่เราทราบกันว่า ท่าเรือซี่ยงไฮ้ เป็นท่าเรือหลักในการขนส่ง ชิ้นส่วนอิเล็กโทรนิค และเป็นท่าเรือที่สำคัญ 1 ใน 3 ของโลก ในการขนส่งสินค้าจากเอเชียไปสหรัฐอเมริกา และยุโรป

.

จากการปิดท่าเรือมากกว่า 3 สัปดาห์ จึงทำให้ผู้ประกอบการและคู่ค้าในประเทศต่างๆ ได้รับผลกระทบกัน เป็นวงกว้าง รวมไปถึงสินค้าการเกษตร ที่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ส่งออก ทำให้การเร่งเงินเฟ้อของทั่วโลกนั้นสูงขึ้น  

.

อย่างไรก็ตามเรามีตัวเลขในอดีตของเดือน พฤษภาคมย้อนหลังกลับไป 10 ปี 

จะเห็นได้ว่า ไม่ใช่ทุกตลาดที่มีผลตอบแทนเป็น ‘ลบ’ ในเดือนพฤษภาคม 

.

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ นั้นมีเพียง 2 ใน 10 ครั้งเท่านั้น ที่มีผลตอบแทนในเดือนพฤษภาคมติดลบ ได้แก่ปี 2021 และ 2019 ส่วนความเป็นไปของตลาดเกิดใหม่หรือ emerging market เช่น จีน ฮ่องกง ก็มีความเสี่ยงสูง มากกว่า 50% ที่จะเกิดปรากฏการณ์ Sell in May 

.

แต่ถ้ามองในมุมกลับกัน ว่าถ้าเราเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงหลังจากสิ้นเดือนพฤษภาคม และถือไปจนสิ้นปีล่ะ? การเข้าซื้อหลังพฤษภาคมอาจจะเป็นจังหวะเข้าซื้อที่ดีก็ได้?? 

ข้อมูล Return Data หากลงทุนหลังเดือน พ.ค. จนจบสิ้น

เมื่อดูย้อนหลังไป 10 ปี จะเห็นได้ชัดเจนว่า การลงทุนตั้งแต่เดือน มิ.ย. ต่อไปจนถึงสิ้นปี ตลาดส่วนใหญ่มีทิศทางคล้ายคลึงกัน คือ ให้ผลตอบแทนเป็นบวก มากกว่าติดลบ และมากกว่า 50% ที่เป็นผลบวกในสิ้นปี สะท้อนให้เห็นว่าการให้เวลากับการถือลงทุนในระยะที่ยาวขึ้น จะเปิดโอกาสสร้างผลลัพธ์ที่ดีจากการลงทุนได้มากกว่า 

ข้อสรุป ของ Sell in May and Go Away 

ความเชื่อของ Sell in may and go away ยังเป็นความเชื่อที่ไม่ถือว่าถูกเสมอไป จากตัวเลขในอดีตฟ้องว่า เราอาจจะเสียโอกาสในการลงทุน หากมีการถือครองเกิน 6 เดือนขึ้นไป หลังจากเดือนพฤษภาคม 

.

แต่อย่างไรก็ตาม ในแต่ละปีมี event หรือมี context ที่จะกระทบกับเศรษฐกิจที่เฉพาะตัว โดยเฉพาะในปี 2022 ที่มี 3 event หลัก คือการแพร่ระบาด สงคราม และ อัตราเงินเฟ้อที่สูงก่อนหน้าจะมีสงคราม ทำให้ ปีนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่จะมี Sell in May สูงกว่าในทุกๆ ปีที่ผ่านมา

.

เชื่อว่า Sell in May and Go Away ในรอบ 2022 ปีนี้ อาจจะมีการปรับฐานระยะสั้น แต่เชื่อว่าจะไม่มีการปรับฐานที่แรงกว่าในรอบต้นปี หาก FED มี Action plan และ การสื่อสารกับตลาดที่ดีมากพอ เศรษฐกิจอาจจะไม่ได้กลับมาร้อนแรง หากปัจจัยใดปัจจัยนึงนั้นยังไม่ได้ตกลงไป  

.

และเงินเฟ้อในระดับที่สูงจะยังอยู่กับเราในปีนี้ต่อไป หากแนะนำในการลดความผันผวนของการลงทุน อาจจะเปลี่ยนจากการเน้นจับจังหวะตลาด หรือ Market timing เป็นการซื้อถือเฉลี่ยในทุกๆ เดือน หรือ DCA อาจจะเป็นวิธีที่ดีในการปรับกลยุท์การลงทุนในช่วงปีนี้ได้ 

You Might Also Like

“เอกา โกลบอล” ประเมินธุรกิจบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร รับมือนโยบาย ‘ทรัมป์’

นโยบายประชานิยม กับดักความจน ตัวการพังเศรษฐกิจไทย?

TISA แนวคิดใหม่ของตลาดหลักทรัพย์ฯ “ซื้อหุ้น ได้ลดหย่อนภาษี” หวังช่วยหนุนตลาดหุ้นไทย

YLG ชี้ทองคำแกว่งตัวกรอบบน รับดอลลาร์อ่อนค่า ลุ้นแตะ 3,000 ดอลลาร์

TAGGED: การลงทุนยุคใหม่, การลงทุนโลก, ตลาดหุ้น, นักลงทุน, ลงทุน, เศรษฐกิจ, เศรษฐกิจโลก

Sign Up For Daily Newsletter

Be keep up! Get the latest breaking news delivered straight to your inbox.
By signing up, you agree to our Terms of Use and acknowledge the data practices in our Privacy Policy. You may unsubscribe at any time.
connectthedots admin May 18, 2022
Share this Article
Facebook Twitter Email Copy Link Print
Previous Article แพลตฟอร์มที่ดิน Metaverse
Next Article เทียบบัญชีเงินฝากประจำแต่ละธนาคาร
CTD - Connect the Dots

Connect The dots ชุมชนสำหรับผู้ที่ชอบค้นหาโอกาสใหม่ พัฒนาตัวเองตลอดเวลา และเชื่อในโอกาสใหม่ๆ พื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ ไม่ว่าจะเป็นโลกธุรกิจ การลงทุน เทรนด์กระแส หรือ แม้กระทั่ง การเงินส่วนบุคคล ร่วมลากเส้น ต่อจุด เพื่อทุกความเป็นไปได้ไปกับเรา เพียงคุณเริ่มต้นที่จุดแรกไปกับเรา

Facebook Youtube Tiktok Spotify

แผนผังเว็บไซต์

Home
Business
People
News
Contact
Opinion
Investment
CIS
Sustainable
About Us

Copyright © 2024 Connect the Dots – All Rights Reserved

ข้อตกลงและเงื่อนไข

คำเตือนความเสี่ยงฉบับเต็ม

Removed from reading list

Undo
Welcome Back!

Sign in to your account

Lost your password?