CTD - Connect the Dots
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Reading: ตลาดหุ้นฮ่องกง-เวียดนาม ยังน่าลงทุนอยู่อีกหรือไม่?
Share
CTD - Connect the Dots
Aa
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
  • Contact
Search
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Follow US
Copyright © 2020 Creative Investment Space – All Rights Reserved
CTD - Connect the Dots > Blog > Investment (Closed) > กูรูลงทุน > เปโดร พุกกะมาน > ตลาดหุ้นฮ่องกง-เวียดนาม ยังน่าลงทุนอยู่อีกหรือไม่?
เปโดร พุกกะมาน

ตลาดหุ้นฮ่องกง-เวียดนาม ยังน่าลงทุนอยู่อีกหรือไม่?

connectthedots admin
Last updated: 2022/12/10 at 2:54 PM
connectthedots admin Published November 2, 2022
Share

ถ้าพูดถึงสินทรัพย์การลงทุนต่างประเทศยอดนิยมของคนไทยในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาย่อมต้องมีตลาดหุ้นจีนโดยเฉพาะตลาดหุ้นฮ่องกงรวมถึงตลาดหุ้นเวียดนามรวมอยู่ด้วย

แต่ถึงตอนนี้ทั้งสองดัชนีต่างปรับตัวลดลงเป็นอย่างมากโดยดัชนี Hang Seng ปรับตัวลดลงตั้งแต่ต้นปี 33% แต่ถ้านับจากจุดสูงสุดที่เกิดขึ้นในปี 2021 ดัชนีปรับตัวลดลงมาแล้วกว่า 51% ส่วนดัชนี Vietnam Index ปรับตัวลดลงจากช่วงต้นปีและจากจุดสูงสุดแล้ว 35% เรียกได้ว่าเข้าสู่ภาวะหมีโดยสมบูรณ์

คุณ ณพวีร์ พุกกะมาน นักลงทุนและผู้ก่อตั้ง Creative Investment Space (CIS) สถาบันให้ความรู้ด้านนวัตกรรมการลงทุนรูปแบบใหม่ เผยถึงสาเหตุหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นฮ่องกงปรับตัวลงแรงมีหลายปัจจัย ไล่มาตั้งแต่นโยบายควบคุมหุ้นเทคโนโลยีจีนจากรัฐบาล การออกมาถอดถอนบริษัทสัญชาติจีนที่ลิสต์อยู่ในตลาดหุ้นอเมริกา นโยบาย Zero Covid ของรัฐบาลจีน จนมาถึงล่าสุดดัชนี Hang Seng ปรับตัวลดลงในวันเดียวกว่า 5% จากความกังวลว่าประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้นำสูงสุดวาระที่สาม จะมีนโยบายที่กดดันต่อการเติบโตของเศรษฐกิจฮ่องกง

ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นฮ่องกงกำลังถูกท้าทายจากการสูญเสียตำแหน่งผู้นำทางด้านการเงินให้กับทางสิงคโปร์ตลอดจนตลาดไอพีโอของฮ่องกงซบเซาลงอย่างมาก ทั้งหมดนี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นฮ่องกงปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง

ด้านตลาดหุ้นเวียดนาม แม้ว่าการประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาสที่สองจะออกมาเติบโตถึง 13% แต่การที่ยังคงเป็นประเทศกำลังพัฒนาทำให้ประสบปัญหาเรื่องของค่าเงินด่องที่อ่อนค่าลงมาจากการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯและความกังวลว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกอาจจะทำให้เวียตนามไม่สามารถส่งออกรวมถึงเป็นฐานการผลิตสินค้าป้อนตลาดโลกได้ตามเป้าหมาย

แต่ประเด็นที่ทำให้ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวลงมาแรงน่าจะเป็นเรื่องความไม่มั่นใจในการตลาดการเงินอย่างเช่นการจับกุม Truong My Lan ประธานบริษัท Van Thinh Phat Holdings Group กลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ข้อหาครอบครองอสังหาริมทรัพย์ด้วยวิธีฉ้อโกง 

และยังพัวพันไปถึงธนาคารใหญ่อันดับต้นๆของประเทศอย่าง Saigon Commercial Bank ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวด้วยจนทำให้ผู้คนแห่กันไปถอนเงินจนรัฐบาลต้องออกมาประกาศว่าจะคุ้มครองเงินฝาก

การที่สัดส่วนนักลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามกว่า 90% เป็นรายย่อยและมีพฤติกรรมการเก็งกำไรและกู้เงินมาลงทุนทำให้เวลาที่ตลาดหุ้นปรับตัวลงมักเกิดปัญหา Force Sell หรือบังคับขายจนทำให้ตลาดหุ้นลงหนักกว่าปกติ

แม้ทั้งสองตลาดจะมีประเด็นลบทั้งปัจจัยพื้นฐานและความวิตกกังวล แต่ในระยะยาวทั้งสองตลาดยังมีความน่าสนใจในการลงทุน อย่างเช่นค่า P/E ของตลาดหุ้นฮ่องกงที่งมาต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค ตลอดจนนโยบายการจัดการกับไวรัสโควิดที่ผ่อนคลายมากขึ้น

ที่สำคัญคือหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของจีนลงมาในระดับที่แวลูเอชั่นน่าสนใจในระยะยาวแม้จะมีความกังวลว่าจะถูกควบคุมดูแลโดยรัฐบาล แต่ไม่ว่าจะอย่างไรอัตราการเติบโตของบริษัทเทคโนโลยีจีนยังคงมีแนวโน้มที่ดี ที่สำคัญคือเศรษฐกิจจีนยังเติบโตได้ดีและปัญหาเงินเฟ้อระดับต่ำจะเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุน

ขณะที่ตลาดหุ้นเวียดนาม เป็นเรื่องปกติที่ตลาดหุ้นเกิดใหม่จะมีปัญหาความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน แต่ภาพรวมการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามยังคงไปในทิศทางเชิงบวกอีกทั้งยังมีเงินเฟ้อที่ไม่สูงมาก การปรับตัวลงของตลาดหุ้นที่เกิดจากความวิตกกังวลไม่ได้เกิดจากปัจจัยพื้นฐาน อาจเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการทะยอยเข้าลงทุน

ไม่ว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวช้าหรือเร็ว เวียดนามก็ยังคงเป็นฐานการผลิตใหม่ที่สำคัญของแบรนด์ดังต่าง         และกำลังก้าวขึ้นมาเป็นตลาดผู้บริโภคที่มีขนาดใมหญ่ พื้นฐานเศรษฐกิจและตลาดหุ้นของเวียดนามจึงยังอยู่ในเชิงบวก

สรุปคือทั้งตลาดหุ้นฮ่องกงและเวียดนาม แม้ระยะสั้นจะมีปัจจัยลบหลายด้าน แต่ในระยะยาวการที่ดัชนีปรับตัวลงมาค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐานและแวลูเอชั่นถือว่าน่าสนใจใสการลงทุนระยะยาวโดยการทะยอยเข้าสะสมผ่านกองทุนรวมหรือกองทุน ETF และ DR ที่ซื้อขายในตลาดหุ้นไทย แต่สำหรับนักเก็งกำไรช่วงเวลานี้อาจจะยังไม่เหมาะสมนัก ยังคงต้องรอปัจจัยบวกของตลาดการเงินทั่วโลกว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้หรือไม่

You Might Also Like

“เอกา โกลบอล” ประเมินธุรกิจบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร รับมือนโยบาย ‘ทรัมป์’

นโยบายประชานิยม กับดักความจน ตัวการพังเศรษฐกิจไทย?

TISA แนวคิดใหม่ของตลาดหลักทรัพย์ฯ “ซื้อหุ้น ได้ลดหย่อนภาษี” หวังช่วยหนุนตลาดหุ้นไทย

YLG ชี้ทองคำแกว่งตัวกรอบบน รับดอลลาร์อ่อนค่า ลุ้นแตะ 3,000 ดอลลาร์

TAGGED: การลงทุน, การลงทุนยุคใหม่, การลงทุนโลก, ความรู้การลงทุน, ตลาดหุ้น, สินทรัพย์, หุ้น, ฮ่องกง, เซียนหุ้น, เศรษฐกิจ, เศรษฐกิจโลก

Sign Up For Daily Newsletter

Be keep up! Get the latest breaking news delivered straight to your inbox.
By signing up, you agree to our Terms of Use and acknowledge the data practices in our Privacy Policy. You may unsubscribe at any time.
connectthedots admin November 2, 2022
Share this Article
Facebook Twitter Email Copy Link Print
Previous Article ตราสารหนี้สีเขียว
Next Article วิธีการ Risk Management ง่ายๆ เมื่อ Position ของเราเริ่มมีกำไร และ การวิเคราะห์แบบ Hybid ผสมทั้ง Fundamental & Technical
CTD - Connect the Dots

Connect The dots ชุมชนสำหรับผู้ที่ชอบค้นหาโอกาสใหม่ พัฒนาตัวเองตลอดเวลา และเชื่อในโอกาสใหม่ๆ พื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ ไม่ว่าจะเป็นโลกธุรกิจ การลงทุน เทรนด์กระแส หรือ แม้กระทั่ง การเงินส่วนบุคคล ร่วมลากเส้น ต่อจุด เพื่อทุกความเป็นไปได้ไปกับเรา เพียงคุณเริ่มต้นที่จุดแรกไปกับเรา

Facebook Youtube Tiktok Spotify

แผนผังเว็บไซต์

Home
Business
People
News
Contact
Opinion
Investment
CIS
Sustainable
About Us

Copyright © 2024 Connect the Dots – All Rights Reserved

ข้อตกลงและเงื่อนไข

คำเตือนความเสี่ยงฉบับเต็ม

Removed from reading list

Undo
Welcome Back!

Sign in to your account

Lost your password?