CTD - Connect the Dots
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Reading: สภาเมืองล้มละลายได้ด้วยเหรอ? ส่องวิกฤต Birmingham ล้มละลาย เจ๊งได้ไง เพราะอะไรถึงล้ม?
Share
CTD - Connect the Dots
Aa
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
  • Contact
Search
  • Home
  • Business
  • People
  • Investment
  • Opinion
  • CIS
  • News
    • News
    • Sustainable
  • Contact
    • Contact
    • About Us
Follow US
Copyright © 2020 Creative Investment Space – All Rights Reserved
CTD - Connect the Dots > Blog > Opinion > สภาเมืองล้มละลายได้ด้วยเหรอ? ส่องวิกฤต Birmingham ล้มละลาย เจ๊งได้ไง เพราะอะไรถึงล้ม?
Opinion

สภาเมืองล้มละลายได้ด้วยเหรอ? ส่องวิกฤต Birmingham ล้มละลาย เจ๊งได้ไง เพราะอะไรถึงล้ม?

korlajeshop@gmail.com
Last updated: 2024/03/12 at 4:17 PM
[email protected] Published September 11, 2023
Share

ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวดังที่สะเทือนทั้งเกาะอังกฤษ คือ สภาเมืองใหญ่อังดันสองของอังกฤษอย่าง ‘เบอร์มิงแฮม (Birmingham)’ ประกาศ “ล้มละลาย” ภายใต้ “มาตรา 114” เนื่องจากการขาดดุลงบประมาณเกือบ 4,000 ล้านบาท ซึ่งก็ทำให้หลายคนประหลาดใจว่า “เห้ย สภาเมืองล้มละลายได้ด้วยเหรอ”

คำถามนี้น่าจะอยู่ในความคิดของใครหลายคนครับ เพราะปกติแล้วเราจะคุ้นชินคำว่า “ล้มละลาย” ในภาคธุรกิจเสียมากกว่า แต่กับหน่วยงานบริหารของรัฐแล้ว ไม่น่าจะเจอคำนี้ได้ ถึงอย่างนั้นก็คงได้เห็นกันแล้วแหละว่า มีจริง ๆ เป็นสภาเมืองก็ล้มละลายได้เหมือนกัน เพราะการล้มละลายคือ การที่บุคคล หรือนิติบุคคล มีหนี้สินท่วมท้น มากกว่าทรัพย์สิน และเกินความสามารถในการชำระหนี้ได้ ดังนั้นองค์กรไหนหน่วยงานไหนมีการบริหารการเงิน มีค่าใช้จ่าย ก็มีสิทธิ์จะล้มละลายได้ไม่ใช่แค่ภาคธุรกิจเท่านั้น ซึ่งที่อังกฤษก็เป็นประเทศที่มีการบริหารแบบกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นบริหารจัดการกันเอง โดยจะมีงบจากส่วนกลางและงบอีกส่วนที่ท้องถิ่นในแต่ละเมืองต้องจัดสรร เปรียบง่าย ๆ ว่าสภาเมืองเป็นองค์กรหนึ่ง ในทางปฏิบัติแล้ว เมืองก็ล้มละลายได้ แม้ในทางกฎหมายจะไม่ได้รองรับไว้ก็ตาม

แล้วเบอร์มิงแฮมล้มละลายได้อย่างไร ที่มาของการล้มละลายในครั้งนี้เรียกได้ว่าเรื้อรังครับ แต่จะมีประเด็นใหญ่ ๆ ที่เขาบอกกันว่าเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เบอร์มิงแฮมล้ม คือ การจ่ายเงินชดเชยจากคดีฟ้องร้องจากพนักงานหญิงที่ได้รับค่าตอบแทนไม่เท่าเทียม ซึ่งสภาเมืองได้ต่อสู้ทางกฎหมายกับสหภาพแรงงานมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2012 จนท้ายที่สุดแล้วก็พ่ายแพ้และต้องจ่ายค่าชดเชยมหาศาลให้กับพนักงานหญิงทั้งในอดีตและปัจจุบันที่เคยได้รับผลกระทบจากความไม่เท่าเทียมนี้ ซึ่งที่ผ่านมาสภาได้จ่ายเงินชดเชยส่วนนี้ไปแล้วกว่า 1,100 ล้านปอนด์ หรือกว่า 48,800 ล้านบาท โดยยังเหลือที่ต้องจ่ายอีก 650-760 ล้านปอนด์ หรือ อีกกว่า 28,800-33,700 ล้านบาท ซึ่งทางเมืองก็หามาจ่ายไม่ไหวแล้ว
.
แต่ก็ใช่ว่าการเงินของเบอร์มิงแฮมจะมาล่มสลายเพียงเพราะความไม่เท่าเทียมหรอกครับ ก่อนที่ใครจะมองว่าการเรียกร้องของสหภาพแรงงานคือสิ่งที่ทำร้ายเมืองเอง ก็ต้องดูปัจจัยอื่น ๆ ด้วย เพราะนอกจากเงินชดเชยมหาศาลแล้ว ที่ผ่านมาตั้งแต่อังกฤษถอนตัวจากสหภาพยุโรป หรือ EU เศรษฐกิจในประเทศก็ไม่ผูกพันธ์กับทาง EU เหมือนเคย และต้องเจอกับภาวะเงินเฟ้อสูงเป็นประวัติกาลเหมือนหลายประเทศทั่วโลก อย่างอเมริกาหรือไทย ส่งผลกับดอกเบี้ยที่ต้องขยับตามเช่นเดียวกัน รวมทั้งการออกมาจาก EU ยังทำให้อังกฤษพบเจอกับปัญหาเรื่องการขาดแคลนแรงงาน และแม้ว่าจะมีการทำการค้าเสรีอยู่ แต่เมื่อไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ EU ก็ทำให้ตลาดแคบลง ภาคธุรกิจมีรายได้ลดลง ส่งผลให้เศรษฐกิจของอังกฤษเติบโตได้ช้ามาตลอดช่วง 2-3 ปีหลังมานี้ และรัฐบาลกลางก็มีการปรับลดค่าใช้จ่าย

และแน่อนว่าจังหวะแบบนี้พรรคการเมืองสองฝั่งเขาก็ได้จังหวะสาดโคลนโยนบาปใส่กันเต็มที่เพื่อชี้ถึงสาเหตุต่าง ๆ ซึ่งทางฝั่งผู้นำสภาอย่างพรรคแรงงานได้กล่าวว่า ปัญหาการเงินของสภาส่วนหนึ่งมาจากปัญหาระบบคอมพิวเตอร์ใหม่ในสภาท้องถิ่นที่ต้องใช้เงิน 100 ล้านปอนด์ หรือกว่า 4,400 ล้านบาทในการแก้ไข และอัตรารายได้ของภาคธุรกิจที่ลดลงสวนทางกับต้นทุนที่สูงขึ้นในการดูแลสังคมผู้ใหญ่ นอกจากนี้ในช่วงการบริหารต่อเนื่องยาวนานของรัฐบาลพรรคอนุรักษ์นิยมสภาถูกตัดงบไป 1,000 ล้านปอนด์ หรือราว 44,000 ล้านบาทเลย

ในขณะที่สมาชิกฝ่ายอนุรักษ์นิยมได้กล่าวโทษการบริหารจัดการงบที่ไม่ดีของสภาฝ่ายพรรคแรงงาน ที่ใช้งบประมาณมหาศาลไปกับการผลักดัน “ยุคทองของเมือง” และการเป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมกีฬาเครือจักรภพ (Commonwealth Games) โดยใช้คำที่รุนแรงว่าสภา “โกหกประชาชนชาวเบอร์มิงแฮม” บอกว่ายุคทองที่สภากล่าวอ้างนั่นมันเป็น “ทองปลอม” (ใช้คำว่า fool’s gold หมายถึงแร่ pyrite ที่มีสีคล้ายทองแต่ไม่ได้มีค่าเหมือนทอง จึงเรียกอีกอย่างว่า “ทองของคนโง่” )

โฆษกนายกรัฐมนตรีได้ออกมาบอกว่าทางรัฐบาลได้เข้ามาสนับสนุนด้วยการให้งบประมาณ 5.1 พันล้านปอนด์ หรือกว่า 2.2 แสนล้านบาท แก่สภาท้องถิ่นต่าง ๆ และให้เพิ่มขึ้น 9% สำหรับเบอร์มิงแฮม ซึ่งมันเป็นหน้าที่ของรัฐบาลท้องถิ่นที่จะต้องจัดการงบประมาณเอง และบริหารเงินของผู้เสียภาษีทุกคนให้คุ้มค่าที่สุด

โดยการล้มละลายในครั้งนี้ส่งผลให้ทางสภาเบอร์มิงแฮมต้องลดงบประมาณในการใช้จ่ายลง ทั้งการบริการสาธารณะต่าง ๆ อย่างการทำความสะอาดถนน การดูแลรักษาสวนสาธารณะ ห้องสมุด บริการเกี่ยวกับเด็กที่อยู่นอกเหนือจากการช่วยเหลือทางสังคม และการเก็บขยะที่อาจต้องเว้นรอบเก็บนานขึ้น ยกเว้นการดูแลประชานกลุ่มเปราะบาง บริการสาธารณะขั้นพื้นฐาน และภาระผูกพันธ์ทางการเงินที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ที่ยังคงต้องเป็นไปตามเดิมอยู่

สมาคมองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นสหราชอาณาจักร (LGA) ก็ได้ประเมิณว่าในปีงบประมาณนี้ สภาท้องถิ่นต่าง ๆ ในอังกฤษและเวลส์จะขาดแคลนเงินทุนเพิ่มอีก 2,000 ล้านปอนด์ หรือกว่า 88,000 ล้านบาท และยังมีอีกหลายเมืองที่เสี่ยงล้มละลายอีกเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ก็มีอีกหลายเมืองที่ล้มละลายล่วงหน้าไปก่อนแล้วภายใต้มาตรา 114 อย่าง โวกคิง (Woking) หรือ ครอยดอน (Croydon)

แล้วแบบนี้หน่วยงานท้องถิ่นก็ล้มละลายได้ทุกที่เลยหรือเปล่า หรืออย่างหน่วยงานท้องถิ่นไทยจะมีโอกาสล้มละลายได้ไหม ถ้าพิจารณากันตามโครงสร้างการปกครองแล้วก็ “ไม่” ครับ เพราะไทยไม่ได้ให้อำนาจท้องถิ่นในการปกครองและหางบประมาณในแบบเดียวกับที่อังกฤษ จัดสรรงบให้อย่างเดียว ง่าย ๆ คือท้องถิ่นไทยไม่ได้หาเงินได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว พอไม่ได้มีอำนาจการบริหารจัดการเองก็เลยไม่ต้องห่วงว่าจะเจ๊งครับ อย่างที่เรารู้กันดีนั่นแหละว่าหน่วยงานท้องถิ่นในไทยมักจะทำอะไรได้ช้ามาก เพราะจะใช้งบเพิ่มแต่ละทีต้องเขียนขอเข้าส่วนกลางแล้วถูกหักหัวคิวกันมาเป็นทอด ๆ อีก กว่าจะถึงก็เหลืออยู่หน่อยนึง ซึ่งก็เอ่อ… นั่นแหละครับ เอาเป็นว่าถ้าที่ไหนจะล้มละลายได้ หลัก ๆ เลยคือ เขาก็ต้องได้บริหารและแบกการเงินไว้ด้วยตัวเองครับ

โดยสรุปแล้วคือการล้มละลายของเบอร์มิงแฮมนั้นเกิดจากหลายปัจจัย ไม่ใช่แค่การจ่ายค่าชดเชยมหาศาลให้แรงงานหญิงอย่างเดียว แต่รวมทั้งจากการบริหารงบประมาณที่อาจเกินตัวไปบ้าง สวนทางกับแนวทางของรัฐบาลกลาง และปัญหาเรื้อรังหลายอย่างที่ไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้เราเห็นว่าการบริหารของภาครัฐในมิติของการเงินก็มีความสำคัญไม่แพ้ในภาคธุรกิจเลย ส่วนในไทยเอง แม้หน่วยงานท้องถิ่นจะไม่มีทางล้มละลายอยู่แล้ว แต่เรื่องของการบริหารงบประมาณใช้จ่ายให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์แก่ประชาชนในพื้นที่ ก็ยังคงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ว่าจะเจ๊ง หรือไม่ก็ควรทำให้ดีอยู่เสมอ

You Might Also Like

วัดกำลังอสังหาฯ ยามพบศึกหนัก แผ่นดินไหว vs สงครามการค้า บ้านแนวราบโต แต่ตลาดคอนโดตึกสูงสั่นคลอน

ไม่ใช่แค่แรงงานไทยมักง่าย แต่นายจ้างเกาหลีก็อยากได้ผีน้อย

ไม่เอาแอปจีน! รัฐเท็กซัสประกาศแบนทั้ง DeepSeek, RedNote, Lemon8 

แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ปี 2568 คาดยอดจัดส่งรถยนต์ EV โต 17%

Sign Up For Daily Newsletter

Be keep up! Get the latest breaking news delivered straight to your inbox.
By signing up, you agree to our Terms of Use and acknowledge the data practices in our Privacy Policy. You may unsubscribe at any time.
[email protected] September 11, 2023
Share this Article
Facebook Twitter Email Copy Link Print
Previous Article “ซื้อรถไม่แถมไฟเลี้ยวเหรอ!?” รู้หรือไม่ ซื้อรถเมื่อก่อนไม่มีไฟเลี้ยวแถมมาจริง ๆ ย้อนดูต้นกำเนิดกว่าจะมาเป็นไฟเลี้ยวที่เราใช้ในปัจจุบัน
Next Article ตัวจริงเรื่อง Soft Power! ส่องเส้นทางกว่า 20 ปี ของ เกาหลี สู่ Soft Power ระดับโลก
CTD - Connect the Dots

Connect The dots ชุมชนสำหรับผู้ที่ชอบค้นหาโอกาสใหม่ พัฒนาตัวเองตลอดเวลา และเชื่อในโอกาสใหม่ๆ พื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ ไม่ว่าจะเป็นโลกธุรกิจ การลงทุน เทรนด์กระแส หรือ แม้กระทั่ง การเงินส่วนบุคคล ร่วมลากเส้น ต่อจุด เพื่อทุกความเป็นไปได้ไปกับเรา เพียงคุณเริ่มต้นที่จุดแรกไปกับเรา

Facebook Youtube Tiktok Spotify

แผนผังเว็บไซต์

Home
Business
People
News
Contact
Opinion
Investment
CIS
Sustainable
About Us

Copyright © 2024 Connect the Dots – All Rights Reserved

ข้อตกลงและเงื่อนไข

คำเตือนความเสี่ยงฉบับเต็ม

Removed from reading list

Undo
Welcome Back!

Sign in to your account

Lost your password?